มีรายงานจากซัยดฺ อิบนิ คอลิด อัลญุฮะนียฺ เล่าว่า
“ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้นำละหมาดซุบฮฺที่หุไดยบียะฮฺ โดยท้องฟ้ามีร่องรอยของ ฝนตกเมื่อคืน เมื่อท่านได้ละหมาดเสร็จ ก็หันมาทางผู้คนและท่านได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายทราบหรือ ไม่ว่าพระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสอะไร ? บรรดาซอฮาบะฮฺ กล่าวว่า อัลลอฮฺและร่อซูลรู้ดีที่สุด ท่านร่อซูล ตอบว่า พระองค์ได้ตรัสว่า ตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามีบ่าวของฉัน เป็นผู้ที่ศรัทธาต่อฉัน และเป็นผู้ที่ปฏิเสธ ฉัน ดังนั้นผู้ที่กล่าวว่า เราได้รับน้ำฝนด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระองค์ เขาผู้นั้นก็เป็นผู้ที่ศรัทธาต่อฉัน และปฏิเสธต่อดวงดาว และผู้ที่กล่าวว่า เราได้รับน้ำฝนด้วยสาเหตุของ ดวงดาวนั้น ดวงดาวนี้ เขาผู้นั้นก็เป็นผู้ที่ปฏิเสธต่อฉัน และศรัทธาต่อดวงดาว” (บันทึกโดยบุคอรียฺ : 810,991 มุสลิม : 71 อบูดาวุด : 3906)
แง่คิดจากเรื่องนี้
ครั้งหนึ่งท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ละหมาดซุบฮฺที่ฮุไดยบียะฮฺ ซึ่งเมื่อละหมาดเสร็จสื้น ท่านก็ ได้แจ้งเตือนที่เรื่องที่สำคัญ ที่ท่านได้รับทราบจากพระองค์อัลลอฮฺว่า จากการที่ฝนตกลงมานั้น มีผู้คนที่มีความ เชื่อผิดเกี่ยวกับเรื่องของฝนตก ว่าฝนตกเพราะดวงดาวต่าง ๆ ซึ่งความเชื่อแบบนี้นั้นเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา พร้อมกันนั้นท่านนบีก้ได้บอกถึงความเชื่อที่ถูกต้องด้วยว่า อัลลอฮฺ คือผู้ทรงทำให้ฝนตกเพียงผู้เดียว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. ห้ามเชื่อว่าดวงดาวต่าง ๆ นั้นสามารถทำให้ฝนตก
2. มุสลิมทุกคนต้องเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺคือผู้ทรงประทานน้ำฝนลงมาเพียงผู้เดียว
3. รีบตักเตือนกันทันที ถ้ารู้ว่ามีมุสลิมทำผิดร้ายแรงที่อาจจะนำไปสู่การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ
4. การนะศีหะฮฺ (ตักเตือนกัน) หลังละหมาดนั้น เป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ เพราะทุกคนอยู่กันโดยพร้อมเพรียง และมีสมาธิในการรับฟังเรื่องราวศาสนา
5. มีดุอาอฺหลังฝนตก ก็คือ
مُطِرْنَا بِفَضْلِ اللَّهِ وَرَحْمَتِهِ
เราได้รับน้ำฝนด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระองค์
والله أعلم بالصواب
"""""""""""""""
โดย วะร่อซะตุซซุนนะฮฺ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น