อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ค้าขายอย่าโกงกันนะ


                       เมื่อวานผมได้ไปจับจ่ายซื้อกับข้าวในตลาดหมู่บ้าน เมื่อไปในตลาดจำได้ว่าหอมแดง และกระเทียม ในครัวที่บ้่านหมดแล้ว จึงเข้าไปในร้านหนึ่ง ซึ่งขายจำพวกหอมแดง กระเทียม พริกแห้ง ฯลฯ มีแม่ค้ามุสลิมะฮฺที่คลุมฮิญาบเรียบร้อย จึงได้บอกแม่ค้าว่า

 :ซือกระเทียมกับหอมแดง ผสมกัน 40 บาท"

 แม่ค้าก็ได้ได้พยักหน้าพร้อมนำหัวหอมแดงและกระเทียมใส่ถุงแล้วชั่งตามที่ตกลงซื้อขาย พร้อมกล่าวกับผมว่า
"ช่วงนี้หอมแดง แพงหน่อยนะ"

ผมก็เลยถามด้วยความสงสัยว่า "แล้วหอมแดงราคาเท่าไหร่ ต่างกับกระเทียมมากไหม?"

แม่ค้าตอบว่า : หอมแดงกิโลละ 90  ส่วนกระเทียม กิโล 50"

ผมก็พูดอุทานออกมาว่า : โอ้ ! ต่างกันมากเลย แล้วหอมแดงมาเลย์ล่ะต่างกับหอมแดงไทยเท่าไหร่"

ผมพูดพร้อมกับจ่องตาไปที่หอมแดงมาเลย์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างกับหัวหอมแดงไทยกับกระเทียมไปจวนมุมร้าน
 แม่ค้าเลยตอบว่า

"กิโลละ 25"

"อุ ! ถูกมากเลยนะ หอมแดงมาเลย์ ดูผลมันก็ใหญ่กว่า ดูน่ารับประทานกว่าเสียอีก" ผมพูดอย่างแปลกใจ

แม่ค้าเลยตอบว่า
"แต่หอมแดงไทยดีกว่าเยอะ"

แม่ค้าพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปยิบหอมแดงที่อยู่ในภาชนะหอมแดงไทย แล้วนำหอมแดงนั้นใส่ไปในภาชนะที่บรรจุหอมแดงมาเลย์ พร้อมพูดว่า
  "มีคนนำเอาหอมแดงมาเลย์มาใส่ปะปนกับหอมแดงไทย"

ผมก็เลยถามอย่างสงสัยว่า : "หรือครับ?"

พร้อมกับมองไปที่ภาชนะหอมแดงไทยและหอมแดงมาเลย์ ซึ่งเมื่อสังเกตให้ดีๆ ก็ปรากฏว่า หอมแดงที่อยู่ในภาชนะหอมแดงไทย กับหอมมาเลย์ ไม่แตกต่างกันเลย มีลักษณะเป็นหอมแดงผลใหญ่ๆ อย่างหอมแดงมาเลย์

หลังจากนั้นผมก็หันหลังออกจากร้านค้านั้น แล้วนำหอมแดงที่อยู่ในถุงที่ซื้อมาตรวจดู ก็ปรากฏว่า มีหอมแดงไทยกับหอมแดงมาเลย์ผสมกัน แต่เป็นหอมแดงมาเลย์มากกว่า

ผมได้คร่ำคิดตลอดขณะขับรถกลับบ้านว่า ทำไมหนอ แม่ค้าถึงทำเช่นนี้ ผ้าที่คลุมผมของเขา ไม่ทำให้เขาย่ำเกลงพระองค์อัลลอฮฺบ้างหรือ? ... เขาเอาหอมแดงมาเลย์ ราคากิโลกรัมละ 25 บาท มาปะปนกับหอมแดงไทย ที่มีราคากิโลกรัมละ 90 บาท เพื่อขายในราคา 90 บาท เมื่อบวกลบกันแล้ว เขาได้ส่วนที่ไม่ควรได้ กิโลกรัมละ 65 บาท มันเป็นการฉ้อโกง และเอารัดเอาเปรียบลูกค้าอย่างหน้าด้านๆที่สุด

ซึ่งศาสนาได้ห้ามไว้อย่างชัดเจนไม่ให้มีการหลอกลวงราคาสินค้า ไม่ให้เอากรวดทรายหรืออื่นใดทำนองนี้มาปะปนกับสิ้นค้า หรือการอื่่นที่แฝงด้วยกลลวง อย่างการเอาสิ้นค้าที่ราคาถูกกว่ามาปะปนกับสิ้นค้าที่ราคาที่ราคาแพงกว่า

รายงานจากอิบนิอุมัร ร่อฎียัลลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  ได้ห้ามการขึ้นราคาค้าเพื่อหลอกลวง” (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ มุสลิม)

รายงานจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  ห้ามการซื้อขายที่ผสมกรวดทรายลงไปในสิ้นค้าและวิธีการอื่นใดที่แฝงไว้ด้วยกลลวง” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม หะดิษเลขที่ 1456)

แน่นอนว่าการนำหอมแดงมาเลย์ ที่มีราคาถูกกว่าหอมแดงไทย 65 บาท มาปะปนกัน เพื่อให้ลูกค้าเชื่อว่าเป็นหอมแดงไทย และคิดในราคาหอมแดงไทย ซึ่งมีราคาแพงกว่าเยอะ มันเป็นการหลอกลวงในการซื้อขาย ที่เป็นต้องห้ามในอิสลาม

เราลูกค้าจึงจำเป็นต้องติเตือนพ่อค้า หรือแม่ค้า ไม่ให้ทำการหลอกลวงเช่นนี้

รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า
“มีชายคนหนึ่งร้องเรียนท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ว่า : เขาถูกหลอกลวงในการซื้อขาย ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  จึงกล่าวว่า : บอกคนขายว่าจงอย่าหลอกลวง ตั้งแต่นั้นมาเมื่อเขาจะซื้อขาย เขาก็ย้ำเสมอว่า จงอย่าหลอกลวง” (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 1480)

ซึ่งหากผู้ขาย กับผู้ซื้อ ได้ทำการซื้อขายกันอย่างยุติธรรมไม่คดโกงกัน แน่นอนพระองค์อัลลอฮฺก็จะให้พวกเขามีความจำเริญจากการซื้อขายนั้น

แต่หากผู้ขาย หรือผู้ซื้อ กระทำการที่เป็นการอยุติธรรม มีการคดโกง ปกปิดซ่อนเร้น อำพรางแล้วไซร้ เขาผู้นั้นก็จะถูกปกปิด พระองค์อัลลอฮฺจะไม่ให้ความจำเริญในการซื้อขายนั้นๆ

รายงานจากหะกีม อิบนุ ฮิชาม เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  กล่าวว่า
“บุคคลสองคนที่ซื้อขายกัน ทั้งสองฝ่ายทรงสิทธิที่จะเลือก (ว่าจะซื้อขายต่อไป หรือยกเลิกการซื้อขาย) ตราบเท่าที่ทั้งสองยังไม่แยกกัน หากทั้งสองซื้อขายอย่างยุติธรรมและตรงไปตรงมา ดังนี้พวกเขาจะมีความจำเริญจากการซื้อขายครั้งนั้น หากพวกเขาทั้งสองพูดเท็จและปกปิด(ความบกพร่อง)ความจำเริญจะไม่มีในการซื้อขายครั้งนั้น” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม หะดิษเลขที่ 1479)

รายงานจากท่านอัลมิลคาม อิบนุ มะอฺดิยะกะริบ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าวว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
“พวกท่านจงตวงอาหารของพวกท่าน(ให้ครบ) แล้วพวกท่านจะได้รับการเพิ่มพูน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ หะดิษเลขที่ 338)

รายงานจากท่านสาลิมซึ่งบิดาของเขาเล่าว่า
“ฉันเคยเห็นผู้ซื้ออาหารโดยไม่มีการชั่งตวงให้ชัดเจนถูกทำโทษในสมัยท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  หากได้ขายมันออกไปก่อนที่จะนำกลับไปถึงบ้าน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ เลขที่ 341)

ดังนั้นการค้าขายที่ไม่เป็นธรรม มีการคดโกงหลอกลวงกัน ถือเป็นสิ่งต้องห้าม และพระองค์อัลลอฮ์จะไม่ให้ความจำเริญแก่เขาในการค้าขายนั้นเลย

ที่สำคัญ หากผู้ใดได้กระทำการคดโกง หรือฉ้อฉลในการซื้อขายสิ้นค้าแล้ว ก็ให้เขารีบเตาบะฮฺกลับตัว ด้วยการคืนสิ่งของที่เขาฉ้อโกง หรืออธรรมให้แก่เจ้าของเสีย หรือขอฮะลาลจากเขาเสียก่อน

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใด ณ ที่เขามีการอธรรมแก่พี่น้องของเขา ก็จงขอฮะลาลเขาเสีย ตั้งแต่บัดนี้ ก่อนจะถึงวันที่ไม่พบเหรียญทอง หรือเหรียญเงิน (วันนั้น) หากเขามีการปฏิบัติ จะเอาความดีของเขามาชดใช้สิ่งที่เขาอธรรม หากเขาไม่มีความดี ก็จะเอาความชั่วของเพื่อนที่ถูกอธรรมมาให้เขาแบก” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์)

 والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น