عَنْ أَبِيْ مُوْسَى الْأَشْعَرِيْ قَالَ قَالَ رَسُوْلُ اللهِ (قَالَ اللهُ تَعَالَى يَا مَلَكَ الْمَوْت قَبَضْتَ وَلَدَ عَبْدِيْ قَبَضْتَ قُرَّةَ عَيْنِهِ وَثَمَرَةَ فُؤَادِهِ قاَلَ نَعَمْ قَالَ فَمَا قَالَ قَالَ حَمِدَكَ وَاسْتَرْجَع قَالَ ابنُوْا لَهُ بَيْتًا فِي الْجَنَّة وَسَمُّوْهُ بَيْتَ الْحَمْد) رواه أحمد
อัลลอฮฺ ได้บอกกับมะละกิลเมาตฺว่า “โอ้มะละกิลเมาตฺท่านได้ยึดวิญญาณลูกชายของบ่าวของฉัน ท่านได้ยึดวิญญาณที่รักของเขา ท่านได้ยึดวิญญาณดวงใจของเขา” มะละกิลเมาตฺตอบว่า “ใช่” “แล้วเขาได้พูดอย่างไร” “เขากล่าวสรรเสริญพระองค์ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ(มวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์) และกล่าว อินนาลิลลาฮิ วะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน “อัลลอฮฺจะบอกกับมลาอิกะฮฺ “จงสร้างบ้านให้เขาในสวนสวรรค์ และจงเรียกบ้านนี้ว่า บ้านแห่งการสรรเสริญ” (อัลหะดีษ)
لَهُ مُعَقِّبَاتٌ مِّن بَيْنِ يَدَيْهِ وَمِنْ خَلْفِهِ يَحْفَظُونَهُ مِنْ أَمْرِ اللَّـهِ ۗ إِنَّ اللَّـهَ لَا يُغَيِّرُ مَا بِقَوْمٍ حَتَّىٰ يُغَيِّرُوا مَا بِأَنفُسِهِمْ ۗ وَإِذَا أَرَادَ اللَّـهُ بِقَوْمٍ سُوءًا فَلَا مَرَدَّ لَهُ ۚ وَمَا لَهُم مِّن دُونِهِ مِن وَالٍ ﴿١١﴾
สำหรับเขามีมะลาอิกะฮฺผู้เฝ้าติดตามทั้งข้างหน้าและข้างหลังเขา(*1*) รักษาเขาตามพระบัญชาของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺจะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของชนกลุ่มใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขาเอง(*2*) และเมื่ออัลลอฮฺทรงปรารถนาความทุกข์แก่ชนกลุ่มใดก็จะไม่มีผู้ตอบโต้ พระองค์(*3*) และสำหรับพวกเขาไม่มีผู้ช่วยเหลือนอกจากพระองค์ (อัรเราะดฺ : 11.)
************************************
(1) สำหรับ มนุษย์ นั้นมีมะลาอิกะฮฺที่ได้รับมอบหมายคอยเฝ้าติดตาม โดยเปลี่ยนเวรกันเหมือนยามเฝ้าสถานที่ราชการ
(2) อัลลอฮฺจะมิทรงให้ความโปรดปรานของพระองค์สูญสิ้นไปจากกลุ่มชนใด เว้นแต่กลุ่มชนนั้นจะทรยศต่อความโปรดปรานของพระองค์ ด้วยการเอาของแปลกปลอมของเลวเข้ามาแทนที่
(3) คือถ้าพระองค์จะนำความหายนะหรือการลงโทษของพระองค์มาสู่กลุ่มชนใด ก็ไม่มีผู้ใดสามารถจะตอบโต้หรือป้องกันพระประสงค์ของพระองค์ได้
والله أعلم بالصواب
..............................
MadamSalamah Barbero
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น