นักวิชาการอิสลามทั้งหมดเห็นตรงกันว่าผู้ใดทิ้งละหมาด โดยไม่ยอมรับว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องปฏิบัตินั้น ตกเป็นผู้ปฏิเสธ(กาฟิรฺ)
แต่บรรดานักวิชาการขัดแย้งกันกรณีทิ้งละหมาดเพราะเกียจคร้าน หรือไม่อยากละหมาด
ทัศนะที่ว่า มุสลิมคนใดทิ้งละหมาดถือว่าตกศาสนา แม้เขาจะยอมรับว่าการละหมาดเป็นหน้าที่ของเขาก็ตาม
ตามหลักฐานดังนี้
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
“สิ่งที่กั้นระหว่างคนๆหนึ่งกับการตั้งภาคีและปฏิเสธศรัทธา คือการทิ้งละหมาด” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม)
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
“สัญญาณระหว่างพวกเรากับพวกปฏิเสธ(กาฟิรฺ) คือการละหมาด ผู้ใดทิ้งละหมาดผู้นั้นปฏิเสธ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัตติรมีซีย์ อันนะซาอีย์ และอิบนุ มาญะฮฺ)
ผู้เห็นด้วยกับทัศนะนี้ได้แก่ ท่านอิมามอับดุลลอฮฺ อิบนุล มุบาร็อก ร่อหิมะฮุลลอฮฺ ท่านอิมามอะหฺมัด ร่อหิมะฮุลลอฮฺ ท่านอิมามอิสหาก อิบนุ รอฮาวัยฮฺ
ทัศนะที่สอง
เห็นว่าการทิ้งละหมาดเป็นบาปใหญ่มหันต์ แต่หากเขาไม่ปฏิเสธหลักการที่ว่ามุสลิมมีหน้าที่ต้องละหมาด แต่เขาไม่ทำเนื่องจากด้วยเหตุผลข้ออ้างต่างๆ ไม่ว่าเป็นการเกียจคร้าน หรืออ้างว่าไม่มีเวลา เป็นต้น
ผู้เห็นด้วยกับทัศนะนี้ ได้แก่ฝ่ายนักวิชาการหมู่มาก (ญุมฮูร) นำโดยผู้ก่อตั้งมัซฮับทั้งสาม คือ อิมามอบูฮะนีฟะฮฺ อิมามมาลิก และอิมามอัชชาฟิอีย์
โดยชี้แจ้งหลักฐานที่กล่าวไปข้างต้นว่า
>คำว่าปฏิเสธที่กล่าวถึงหะดิษ หมายถึงให้ลงโทษเช่นเดียวกับโทษของผู้ที่ตกสาสนา นั้นคือประหารชีวิต ดังนั้นผู้ทิ้งละหมาดหลังจากประวิงเวลาให้ใตรตรองเพื่อเตาบะฮฺแล้วจะถูกประหาร ไม่ใช่ด้วยเพราะเขาปฏิเสธ แต่เป็นบทลงโทษเฉพาะสำหรับผู้ทิ้งละหมาด เช่นเดียวกับฆาตกรต้องถูกประหาร แต่ไม่ใช่เพราะเขาตกศาสนา
>คำว่าปฏิเสธที่ถูกกล่าวถึง หมายถึงการทิ้งละหมาดเป็นสื่อที่จะนำไปสู้การปฏิเสธต่อไปในอนาคต เพราะผู้ที่กล้าทิ้งละหมาดหน้าที่สำคัญที่สุดในศาสนา ก็ย่อมกล้าที่ขะกระทำสิ่งอื่นตามมา และไม่แยแสต่อกฎเกณฑ์ใดทางศาสนา และความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างมุสลิมกับกาฟิรในกิจวัตรประจำวันก็คือการละหมาด ดังนั้น การที่มุสลิมไม่ละหมาดก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับกาฟิร
พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า สิ่งนอกเหนือจากการตั้งภาคี พระองค์ให้ได้หากทรงประสงค์ นั้นรวมถึงการละหมาดด้วย
إِنَّ اللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَن يُشْرَكَ بِهِ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَاءُ48 )
“แท้จริง อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยให้กับการตั้งภาคีต่อพระองค์ แตะจะทรงอภัยให้สิ่งอื่นจากนี้แก่ผู้ที่ทรงประสงค์” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอันนิสาอฺ 4:48)
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
“ไม่มีผู้ใดปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเว้นแต่อัลลออฺ และฉันเป็นศาสนทูตของพระองค์แล้วจะตกนรก” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น