อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อุซัยรฺที่ชาวยิวกล่าวว่าเป็นบุตรของอัลลอฮฺคือใคร?




จากคำตรัสของพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ต่อไปนี้

وَقَالَتِ الْيَهُودُ عُزَيْرٌ ابْنُ اللَّهِ وَقَالَتِ النَّصَارَى الْمَسِيحُ ابْنُ اللَّهِ ذَٰلِكَ قَوْلُهُم بِأَفْوَاهِهِمْ يُضَاهِئُونَ قَوْلَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِن قَبْلُ قَاتَلَهُمُ اللَّهُ أَنَّىٰ يُؤْفَكُونَ ( 30 )

“และชาวยิวได้กล่าวว่า อุซัยร์ เป็นบุตรของอัลลอฮ์ และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า อัล-มะซีห์ เป็นบุตรของอัลลอฮ์ นั่นคือถ้อยคำที่พวกเขากล่าวขึ้นด้วยปากของพวกเขาเอง ซึ่งคล้ายกับถ้อยคำของบรรดาผู้ที่ได้ปฏิเสธการศรัทธามาก่อน ขออัลลอฮ์ทรงละอ์นัต พวกเขาด้วยเถิด พวกเขาถูกหันเห ไปได้อย่างไร?"
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัตเตาบะฮฺ 9:30)

จากคำตรัสของพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ข้างต้น พระองค์ได้ทรงชี้แจงถึงการที่พวกยิวและคริสต์ฝ่าฝืนหลักมูลฐานของศาสนา คือเตาฮีด ของพวกเขา โดยที่พวกยิวกล่าวว่า “อุซัยรฺ” เป็นบุตรของอัลลอฮฺ และพวกคริสต์กล่าวว่า อัลมะซีหฺ (เยซู,อีซา) เป็นบุตรของอัลลอฮฺ คำกล่าวเช่นนี้ทำให้พวกยิวและพวกคริสต์มีสภาพเช่นเดียวกันกับบรรดาผู้ที่ตั้งภาคี เพราะผู้ที่ตั้งภาคีได้เคารพสักการะรูปปั้น ซึ่งไม่มีข้อแตกต่างกันระหว่างผู้ที่เคารพสักการะรูปปั้น กับผู้ที่เคารพสักการะ “อุซัยรฺ หรือเคารพสักการะ “อัลมะซีหฺ” เพราะการตั้งภาคีนั้นคือการเคารพบูชาสิ่งอื่นร่วมกับอัลลอฮฺ และแน่นอนพวกเขาได้ยึดเอาผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า โดยที่พวกเขาอ้างว่าอัลลอฮฺทรงมีบุตรและพระองค์ทรงมีภาคี โดยปราศจากข้อพิสูจน์และหลักฐานใดๆทั้งสิ้น

สำหรับบุคคลที่ชื่อ “อุซัยรฺ" (อุซัยรูน , อุซัยรุ) ที่พวกยิวบางกลุ่มกล่าวว่าเขาผู้นี้เป็นบุตรของอัลลอฮฺ เขาคือบุคคลที่ชาวยิวและคริสต์เรียกว่า “อัซรอ” สืบเชื้อสายมาจาก “อัลอาซาร” บินฮารูน อะลัยฮิสสลาม เขาเป็นนักบวชชาวยิว มีชวิตอยู่ในปี 457 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เมืองบาบิโลน เป็นเมืองหลวงของประเทศบาลิโลเนีย ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอีรักในปัจจุบัน เขาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในศาสนายิว(ยูดาย) ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวยิวบางกลุ่มกล่าวว่า “อุซัยรฺเป็นบุตรของอัลลอฮฺ”

รายงานจากท่านอิบนิอับบ๊าส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า
“หัวหน้าชาวยิวในนครมะดีนะฮฺ ซึ่งประกอบด้วย ซัลลาม อิบนุมัชกัม , นั๊วอฺมาน อิบนิเอาว์ฟา, ชาช บิน กอยส์ และมาลิก บิน อัซซอยฟฺ ได้มาหาท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม โดยที่พวกเขากล่าวแก่ท่านรสูลว่า : พวกเราจะปฏิบัติตตามท่านได้อย่างไร (จะเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามได้อย่างไร) ทั้งๆที่ท่านได้ละทิ้งการผินหน้าไปทางกิบละฮฺของเรา (บัยตุลมักดิส) และท่านยังไม่เชื่อว่า อุซัยรฺเป็นบุตรของอัลลอฮฺอีกด้วย แล้วอัลลอฮฺก็ทรงประทานดำรัสของพระองค์ลงมาว่า

وَقَالَتِ الْيَهُودُ عُزَيْرٌ ابْنُ اللَّهِ

“และ(กลุ่มหนึ่งจาก) ชนชาติยิวได้กล่าวว่า อุซัยรฺเป็นบุตรของอัลลอฮฺ”

(บันทึกหะดิษโดยท่านอิบนิอิสฮาก ,ท่านอิบนิญะรีร และท่านอิบนิอบีฮาติม)

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น