อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อาบูบักร อัชชิบลีย์




อาบูบักร อัชชิบลีย์ ทำงานหาริสกีอย่างขยันขันแข็ง


เพื่อมุ่งมั่นจะทำอิบาดัตฮัจญ์ แต่ว่าภรรยาของท่านไม่เห็นด้วย แล้วบอกกับท่านว่าอย่าทิ้งนางกับลูกไป
ท่านจึงพูดกับภรรยาว่า : โอ้ภรรยาของฉัน ฉันจะให้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เพียงพอสำหรับเธอกับลูก เพื่อให้ได้ใช้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ช่วงเวลาที่ฉันกำลังทำฮัจญ์อยู่
นางก็พูดว่า : ถ้าหากว่าคุณป่วยในการเดินทางล่ะ ?
ท่านก็ตอบว่า : อย่ากังวลไปเลย พระองค์ผู้ทรงเกียรติคุณ สิ่งที่ฉันจะทำลงไป ก็มีเหตุผลนะ และทรัพย์สินที่ฉันจะให้คุณกับลูก คงเป็นที่เพียงพอแล้ว อินชาอัลลอฮฺ

สิ่งที่ท่านอยากจะทำฮัจญ์มาก เป็นเพราะแรงบันดาลใจจากลูกสาวของท่าน ท่านก็เริ่มเดินทาง วันเวลาก็ผ่านพ้นไป วันแล้ววันเล่า สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า และแล้วก็ล่วงไปกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งเกินคำสัญญาที่ท่านได้มอบให้กับครอบครัวแล้ว

ทรัพย์สินเงินทองที่อยู่กับภรรยาของท่านก็หมดสิ้น ไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากบ่อน้ำ ที่จะตักใช้เพื่อประทังชีวิต เมื่อความทุกข์ยากมาประสบกับสองแม่ลูก

แม่จึงพูดกับลูกว่า : เป็นเพราะลูกแท้ๆเลย ที่ทำให้พ่อต้องไปทำฮัจญ์ และต้องทิ้งให้เราอยู่สองคนเพียงลำพัง
ลูกสาวพูดอะไรไม่ออก จึงแหงนมองไปยังท้องฟ้า พร้อมขอดุอาอฺ : โอ้ผู้ทรงโปรดปรานความยิ่งใหญ่ของพระองค์ โปรดพระองค์ทรงอย่าได้ปิดกั้นริสกีของพระองค์เลย

อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้นำประเทศคนหนึ่ง ออกมาล่าสัตว์ ท่านได้เดินทางมาไกล จนกระทั่งถึงที่บ้านของอาบูบักร อัชชิบลีย์ ในตอนนั้น ท่านรู้สึกกระหายน้ำมาก ท่านจึงเดินไปเคาะประตูบ้าน เพื่อที่จะขอน้ำดื่ม และแล้ว ลูกสาวของอบูบักรก็เปิดประตู แล้วตักน้ำให้แก่ผู้นำประเทศและคนที่มากับท่านได้ดื่มน้ำ หลังจากที่ท่านดื่มเสร็จแล้ว

ท่านจึงถามพรรคพวกที่มากับท่านว่า : ใครเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ?
พวกเขาก็ตอบว่า : ที่นี่เป็นบ้านของอาบูบักร อัชชิบลีย์
ท่านก็ถามว่า : เขาอยู่ที่ไหน เพาะว่าเราจะตอบแทนเขา
พวกเขาก็ตอบว่า : ตอนนี้เขาออกเดินทางไปทำฮัจญ์
ท่านก็พูดว่า : มันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราต้องตอบแทนครอบครับของเขา โดยเฉพาะเวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน

ผู้นำจึงล้วงทรัพย์สินเงินทองที่อยู่กับตัว แล้วมอบให้กับเจ้าของบ้าน แล้วพูดกับเพื่อนๆอีกสิบคนที่มาด้วยกันว่า : ถ้าหากว่าใครรักฉัน ก็จงทำเสมือนฉัน (มอบทรัพย์สินเงินทองให้แก่เจ้าของบ้าน)
เงินทองที่พวกเขาให้มานั้น ตั้งเป็นกอง สูงเหมือนเนินภูเขาเล็ก แล้วพวกเขาก็เดินจากไป

นางจึงพูดกับลูกสาวของนางว่า : เราเป็นคนรวยแล้วนะลูก
จู่ๆลูกสาวก็ร้องไห้ด้วยความใคร่ครวญต่อพระองค์
แม่ก็เลยถามว่า : ทำไมลูกต้องร้องไห้ เราเป็นคนรวยแล้วนะลูก
ลูกสาวก็ตอบว่า : ขนาดมัคลูก (มนุษย์) มองมาที่เรา (มาเทคแคร์และใยดีกับเรา) สามารถทำให้เรารวยได้ในพริบตา นี่ถ้าหากว่าพวกคุณคิดว่า ถ้าคอลิก (ผู้ทรงสร้าง) ทรงเทคแคร์และใยดีกับพวกคุณตลอดเวลาล่ะ พวกคุณจะยังทุกข์ใจอีกไหม ?



✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿



บทความดีๆโดย : شاركنا كل يوم بدعاء وأيه من كتاب الله وحديث من احاديث الرسول ( ص )
ถอดความและเรียงคำโดย : อูลุล อัลบ๊าบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น