อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อิสติฆฟารฺการอภัยโทษต่ออัลลอฮ์

                  อิสติฆฟารฺ คือ การขออภัยโทษต่อพระองค์อัลลอฮฺ ให้กับบาปและความผิดที่บ่าวได้กระทำลงไป มนุษย์นั้นไม่มีใครคนใดที่ไม่มีบาป และไม่มีผู้ใดที่สามารถอภัยโทษต่อความผิดบาปของเขาได้ นอกจากพระองค์อัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น มนุษย์ที่มีบาปและยังไม่ได้รับารอภัยโทษจากอัลลอฮฺจะไม่ได้เข้าสวรค์ เพราะสวรรค์ของอัลลอฮฺจะรับเฉพาะผู้ที่ปลอดจากความผิดบาป หรือผู้ที่ได้รับกาอภัยโทษสมบูรณ์แล้วเท่านั้น

อัลลอฮฺทรงสัญญาว่าจะอภัยโทษต่อความผิดบาปทั้งหมดของมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ทีกล่าวคำอิสติฆฟารฺ ยกเว้นความผิดบาปจากการตั้งภาคี(ชีริก) ต่อพระองค์ และผู้เสียชีวิตได้เสียชีวิตลงในสภาพดังกล่าว หากเราพลั้งไปทำชีริกกับอัลลอฮฺ ก็ให้เรารีบสำนึกผิดและขอลุแก่โทษต่อพระองค์อัลลอฮฺโดยทันที

ส่วนการเตาบัต คือการหวนคืนสู่เส้นทางอันเที่ยงตรงของอัลลอฮฺ


ท่านอิบนุ ก็อยยิม ร่อหิมาฮุลลลอฮฺ อธิบายว่า

         "อิสติฆฟารคือการกลับตัวหรือการเตาบะฮฺ นั่นคือการขอให้อัลลอฮฺอภัยโทษ ลบล้างบาป ขจัดพิษภัยและร่องรอยของมันให้หมด พร้อมกับขอให้พระองค์ปกปิดมันไว้" (ดู มะดาริจญ์ อัส-สาลิกีน 1:307)


พระงค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า


وَأَنِ اسْتَغْفِرُوا رَبَّكُمْ ثُمَّ تُوبُوا إِلَيْهِ يُمَتِّعْكُم مَّتَاعًا حَسَنًا إِلَىٰ أَجَلٍ مُّسَمًّى وَيُؤْتِ كُلَّ ذِي فَضْلٍ فَضْلَهُ وَإِن تَوَلَّوْا فَإِنِّي أَخَافُ عَلَيْكُمْ عَذَابَ يَوْمٍ كَبِيرٍ ( 3 )

"และพวกท่านจงขอนิรโทษจากพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ พระองค์จะทรงหใปัจจัยแก่พวกท่านซึ่งปัจจัยที่ไปจนถึงวาระหนึ่งที่กำหนดไว้ และพระองค์จะทรงประทานแก่ทุก ๆ ผู้ทำความดีซึ่งความดีของเขาและหากพวกท่านผินหลังให้ แท้จริงฉันกลัวแทน พวกท่านซึ่งการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่"

(อัลกุรอานสูเราะฮฺฮูด 11:3)



الصَّابِرِينَ وَالصَّادِقِينَ وَالْقَانِتِينَ وَالْمُنفِقِينَ وَالْمُسْتَغْفِرِينَ بِالْأَسْحَارِ ( 17 )

"บรรดาผู้ที่อดทน และบรรดาผู้ที่พูดจริง และบรรดาผู้ที่ภักดี และบรรดาผู้ที่บริจาคและบรรดาผู้ที่ขออภัยโทษในยามใกล้รุ่ง"
(อัลกุรอานสูเราะฮฺอาลอิมรอน 3:17)


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้สอนว่า
"ไม่มีการ อิศรอร(การนิ่งเงียบ) พร้อมๆ กับการอิสติฆฟาร แม้ว่าเขาจะทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่าถึงวันละเจ็ดสิบครั้งก็ตาม" (บันทึกโดย อบู ดาวูด หมายเลข 1514, อิบนุ กะษีร กล่าวว่าเป็นหะดีษหะสัน ดู ตัฟซีรของท่าน 1:499)


สำนวนอิสติฆฟารฺและเตาบัต ได้แก่


 أَسْتَغْفِرُ اللهَ وَأَتُوْبُ إِلَيْهِ 

อ่านว่า"อัสตัฆฟิรุลลอฮฺ วะอะตูบุอิลัยฮิ"

ความว่า "ฉันขออภัยโทษในความผิดของฉันและกลับคืนสู่พระองค์"
(ให้กล่าววันละ 100  ครั้งขึ้นไป)
(บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด หะดิษเลขที่ 4380)


" أستغفرالله العظيم الذي لا إله إلا هو 
الحي القيوم وأتوب إليه "

 อ่านว่า "อัสตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม อัลละซี ลาอิลาฮะอิลลาฮุวัลหัยยุลก็อยยูม วะอะตูบุอิลัยฮิ" 

ความว่า "ฉันขออภัยโทษจากพระองค์อัลลอฮฺ ผู้ซึ่งไม่มีพระเจ้าที่สมควรกราบไหว้เว้นแต่พระองค์ ผู้ทรงชีวิน และทรงควบคุมบาปและความผิดของฉัน และฉันขอเตาบัตกลับกลับตัวสู่หนทางของพระองค์อัลลอฮฺอันเที่ยงตรง"
(บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด หะดิษเลขที่ 1517)


ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า บุคคลใดที่กล่าว

 " أستغفرالله العظيم الذي لا إله إلا هو 
الحي القيوم وأتوب إليه "

 อ่านว่า "อัสตัฆฟิรุลลอฮัลอะซีม อัลละซี ลาอิลาฮะอิลลาฮุวัลหัยยุลก็อยยูม วะอะตูบุอิลัยฮิ" พระองค์อัลลอฮฺจะอภัยโทษให้แก่เขา (บันทึกโดยอบูดาวูด ลำดับหะดีษที่ 1296)


والله أعلم بالصواب


....................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น