อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ทุ่งอารอฟะฮ์มีที่เดียว และวันอารอฟะฮฺมีวันเดียว






ทุ่งอารอฟะฮ์มีที่เดียว และวันอารอฟะฮฺมีวันเดียว คือวันที่ 9 ซุลฮิจญะฮ์ เป็นวันที่ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ ประกอบพิธีที่ทำการวุกูฟ(หยุดอยู่) ณ ทุ่งอารอฟะฮ์ และเป็นวันที่มุสลิมทั่วโลกถือศิลอดสุนนะฮ์วันอารอฟะฮ์ (หะดิษระบุถือศิลอดในวันอาราฟะฮฺ ไม่ใช่ถือศิลอดวันที่ 9 ซุลฮิจญะฮ์ ดังนั้นวันที่ 9 ซุลฮิจญะฮ์ต้องกับวันอารอฟะฮ์) และวันที่ 10 เป็นวันอีดตามลำดับ วันอาเราะฟะฮฺและวันอีดจึงต้องต้องตรงกันกับวันที่ผู้ประกอบบพิธีฮัจญ์ ณ ทุ่งอารอฟะฮฺ อาราเบีย เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ประกอบพิธี ณ ทุ่งอารอฟะฮ์วันหนึ่ง และมุสลิมทั่วโลกที่ไม่ประกอบพิธีฮัจญ์ถือศิลอดสุนนะฮ์วันอารอฟะฮ์อีกวันหนึ่ง หรือผู้ประกอบพิธีฮัจญ์กับมุสลิมทั่วโลกกำหนดวันอารอฟะฮ์ตรงกันแต่วันอีดกลับคนละวันกันเช่นนี้ มันไม่ใช่สูตรของศาสนา วันอารอฟะฮ์กับวันอีด ต้องติดตามกันตามลำดับ คือวันที่ 9 และวันที่ 10 ซุลฮิจญะฮ์ และต้องเชื่อมต่อกันกับวันที่ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์  ถึงแม้เวลาแต่ละประเทศจะต่างกันไปบ้าง ก็ยังอยู่ในช่วงวันเวลาเดียวกัน เพราะวันตามปฏิทินอิสลามจะนับแต่เวลามักริบค่ำหนึ่งไปอีกเวลามักริบของอีกค่ำหนึ่งเป็นหนึ่งวัน และบางประเทศที่มีพื้นที่กว้างขวางอย่างประเทศจีนแคนาดา สหรัฐอเมริกา แต่ละพื้นที่เวลาอาจต่างกันแต่ก็กำหนดวันอีดพร้อมกันได้

ส่วนการดูจันทร์เสี้ยวมุสลิมทุกมุมโลกก็ต่างดูกัน หากมุสลิมที่ใดเห็นก่อนก็ถือว่าวันนั้นเห็นจันทร์เสี้ยวแล้ว หากประเทสไทยเห็นจันทร์เสียว ประเทศอื่นก็ต้องตามประเทศไทย ดั่งที่ท่านนบีกล่าวว่าเมื่อมุสลิมคนใดเห็นจันทร์เสี้ยว คือให้ถือว่าวันนั้นเป็นวันที่ 1 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ หากประเทศไทยไม่เห็น ก็ให้ดูผลการดูจันทร์เสี้ยวประเทศอื่นต่อไป เช่น ดูผลการดูดวงจันทร์ของประเทศอิยิปต์ ประเทศซาอุดิอาราเบียเป็นต้น ซึ่งปัจจุบันการรับดูผลการดูดวงจันทร์ของต่างประเทศมันไม่ยากใดเลย ต่างกับเมื่อก่อนที่มีการสื่อสารไม่ดีเช่นปัจจุบัน จะทราบว่าวันที่ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ทำการวุกุฟ ณ ทุ่งอารอฟะฮ์วันใด  ก็เมื่อผู้ประกอบพิธีฮัจญ์กลับมาหลังจากนั้นเป็นแรมเดือน

วัลลอฮุอะลัม   



ท่านอบูฮุรอยเราะห์ ได้รายงานว่า

أَنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلى اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ صِيَامِ يَوْمَيْنِ يَوْمِ الأضْحَى وَيَوْمِ الفِطْرِ

“แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ห้ามถือศีลอดสองวันนี้คือ วันอีดิ้ลอัฏฮา และวันอีดิ้ลฟิตร์” บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม ฮะดีษเลขที่ 1921


 وَسُئِلَ عَنْ صَوْمِ يَوْمِ عَرَفَةَ فَقَالَ يُكَفِّرُ السَّنَةَ المَاضِيَّةَ وَاليَاقِيَّةَ

“ท่านนบีถูกถามเกี่ยวกับการถือศีลอดวันอะรอฟะห์ ท่านตอบว่า จะได้รับการอภัยโทษในปีที่ผ่านมาและปีถัดไป” (ศอเฮียะห์มุสลิม กิตาบุศศิยาม ฮะดีษเลขที่ 1977)


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

ما من يوم أكثر من أن يعتق فيه عبدا من النار  من يوم عرفة

"ไม่มีวันใดที่อัลลอฮฺจะปลดปล่อยบ่าวของพระองค์จากไฟนรก ที่จะมากไปกว่าวันอะร่อฟะฮ์" (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม)

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

 صِيَامُ يَوْمِ عَرَفَةَ أحْتَسِبُ عَلى اللهِ أنْ يُكَفِّرَ السَنَةَ الَّتِي قَبْلَهُ وَالسَّنَةَ الَّتِي بَعْدَهُ

“การถือศีลอดวันอะรอฟะห์นั้น หวังว่าอัลลอฮ์จะอภัยโทษปีก่อนหน้านี้และปีถัดไป” (ศอเฮียะห์มุสลิม กิตาบุศศิยาม ฮะดีษเลขที่  1976)


 عَنْ أُمِّ الفَضْلِ بِنْتِ الحَارِثِ أنَّ نَاسًا تَمَارَوْا عِنْدَهَا يَوْمَ عَرَفَةَ فِي صِيَامِ رَسُوْلِ اللهِ صَلى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ  فَقَالَ بَعْضُهُمْ : هُوَ صَائِمٌ وَقَالَ بَعْضُهُمْ : لَيْسَ بِصَائِمٍ فَأرْسَلْتُ إلَيْهِ بِقَدَّحِ لَبَنٍ وَهُوَ وَاقِفٌ عَلى بَعِيْرِهِ بِعَرَفَةَ فَشَرِبَهُ

“รายงานจากอุมมุลฟัศล์ บินติลฮาริษ ว่า บรรดาผู้คน (หมายถึงศอฮาบะห์ที่ทำการวุกูฟอยู่ที่ทุ่งอะรอฟะห์) ต่างถกเถียงกัน ณที่เธอในวันอะรอฟะห์ เกี่ยวกับการถือศีลอดของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม โดยที่บางคนกล่าวว่า ท่านนบีถือศีลอด และบางคนก็กล่าวว่า ท่านไม่ได้ถือศีลอด ดังนั้นฉันจึงส่งเหยือกนมให้แก่ท่าน ขณะที่ท่านวุกูฟอยู่บนอูฐของท่านที่ทุ่งอะรอฟะห์ แล้วท่านก็ดื่มมัน”  (ศอเฮียะห์บุคอรี กิตาบุศเศาม์ ฮะดีษเลขที่ 1852)

           ท่านอิหม่ามนะวาวีย์ กล่าวไว้ในบทที่ว่าด้วยเรื่อง “สมควรงดถือศีลอดสำหรับผู้ทำฮัจญ์ ที่ทุ่งอะรอฟะห์ในวันอะรอฟะห์” ดังนี้

 مذهب الشافعي ومالك وأبي حنيفة وجمهور العلماء استحباب فطر يوم عرفة بعرفة للحاج

“มัซฮับชาฟีอี, มาลิกี, ฮานะฟีย์ และบรรดาญุมฮูรุ้ลอุลามาอ์ ถือว่าสมควรงดการถือศีลอดวันอะรอฟะฮฺที่ทุ่งอะรอฟะฮฺสำหรับผู้ทำฮัจญ์” อธิบายศอเฮียะห์มุสลิม โดยอิหม่ามนะวาวีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 3





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น