อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

แบบอย่างของท่านรสูลุลลอฮฺในขณะเชือดสัตว์กุรฺบาน



แบบอย่างของท่านรสูลุลลอฮฺในขณะเชือดสัตว์กุรฺบาน อัลอุฎฮียะฮฺ   الأضحية มีดั่งนี้

ท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) หันคอของสัตว์กุรฺบานไปทางกิบละฮฺ (บันทึกโดยมุสลิมและอบูดาวูด)

ท่านรสูล(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  กำชับให้ใช้มีดที่คมกริบเพราะจะทำให้สัตว์กุรฺบานตายอย่างรวดเร็วโดยไม่ทรมาน (บันทึกโดยมุสลิม)

ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เชือดสัตว์กุรฺบานด้วนตนเอง (บันทึกโดยมุสลิมและอบูดาวูด)

ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  กล่าวดุอาอฺก่อนเชือดไว้ดั่งนี้

- “ บิสมิลลาฮฺ วัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุมมะ ฮาซา อันนีย์ วะอันมันลัมยุเฏาะหิ มินอุมมะตีย์ “

 ความว่า “ ด้วยนามของอัลลอฮฺ พระองค์อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่ โอ้อัลลอฮฺกุรฺบานนี้จากฉัน และจากบุคคลที่มิได้ทำกุรฺบานซึ่งเป็นประชาชาติของฉัน “ (บันทึกโดยอบูดาวูด และติรฺมิซีย์)

สำนวนดุอาอฺข้างต้นกล่าวได้เฉพาะท่านรสูลุลลอฮฺเท่านั้น

-“ บิสมิลลาฮฺ วัลลอฮุอักบัร “
ความว่า “ ด้วยนามของอัลลอฮฺ , พระองค์อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่ “ (บันทึกโดยมุสลิม และอบูดาวูด)

- “ บิสมิลลาฮฺ วัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุมมะ ฮาซา อัน (กล่าวชื่อเจ้าของกุรฺบาน)

“ ความว่า “ ด้วยนามของอัลลอฮฺ พระองค์อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่ โอ้อัลลอฮฺกุรฺบานนี้จาก (กล่าวชื่อเจ้าของกุรฺบาน)

บทดุอาอ์สำนวนข้างต้น สุนนะฮฺให้ผู้ที่เชือดสัตว์กุรฺบานไม่ว่าเขาจะเป็นเจ้าของสัตว์ตัวนั้น หรือเป็นบุคคลที่ถูกมอบหมายก็ตามกล่าวก่อนเชือด

 สำหรับดุอาอฺสำนวนที่ว่า
 "วัจญะตุวัจฮิละลิ้ลลาซ๊ ฟาตอร็อซซะวามาวาติวัลอัร ฮะนีฟัมมุสลิเมาวะมาอะนามินนัลมุซริกีน อินนะศ่อลาตี วะนุซุกี วะมะฮยาวะมาตี ลิ้ลลาฮิร็อบบิ้ลอาลามีน"
(บันทึกโดยอิมามอะหฺมัด)
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษเฎาะอีฟญินดัน (คือหลักฐานอ่อนอย่างมาก) จึงไม่สามรถนำดุอาอฺข้างต้นมากล่าวก่อนเชือดสัตว์กุรฺบานได้

ส่วนการกล่าวตักบีรฺโดยกล่าวว่า “อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮฺอักบัร ลาอิลาฮะอิลลัลลอวัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัรวะลิลลาฮิลฮัมด์ “  ก่อนเชือดสัตว์กุรบานนั้นไม่มีสุนนะฮฺจากท่านรสูลุลลอฮฺแต่อย่างใด



การมอบหมายให้ผู้อื่นเชือดสัตว์แทนเจ้าของ


 วิธีการมอบหมายให้ผู้อื่นเชือดสัตว์แทนเจ้าของสัตว์นั้น เพียงแต่แจ้งความประสงค์ของเราให้แก่ผู้ที่เราจะมอบหมายให้เขาเชือด ซึ่งเขายินดีที่จะรับการมอบหมายนั้น ถือว่าการมอบหมายนั้นสมบูรณ์แล้ว

 ผู้ที่มอบหมายให้ผู้อื่นเชือดสัตว์แทนตนเองนั้นไม่มีบทบัญญัติทางศาสนาว่าจะต้องปรากฏอยู่ในบริเวณ หรือตรงที่เชือดสัตว์กุรฺบานของตนเอง

ผู้ทำส่วนทั้งเจ็ดก็ไม่มีบทบัญญัติให้พวกเขามาปรากฏ ณ บริเวณสถานที่เชือดสัตว์ด้วยเช่นเดียวกัน

, ส่วนการมอบหมายจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตามขอให้ผู้ที่มอบหมายและผู้ที่ถูกมอบหมายรับทราบซึ่งกันและกันเป็นอันว่าใช่ได้

เพราะท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า “ บรรดามุสลิมจะอยู่บนเงื่อนไขที่พวกเขาตกลงซึ่งกันและกัน “ (บันทึกโดยมุสลิม)

 ผู้ที่มอบหมายให้ผู้อื่นเชือดสัตว์กุรฺบานแทนตนเองนั้นไม่มีบทบัญญัติทางศาสนาให้กล่าวเช่นเดียวผู้ที่ถูกมอบหมายขณะที่เขาเชือดสัตว์ นั่นหมายรวมว่าผู้ที่มอบหมายไม่ต้องกล่าวอะไรทั้งสิ้น

ส่วนการกล่าว “ บิสมิลลาฮฺ วัลลอฮุอักบัรฺ “ มีสุนนะฮฺให้ผู้ที่ทำการเชือดกล่าวเท่านั้น

 ผู้ที่มอบหมายได้กล่าววาจาให้แก่ผู้ที่ถูกรับมอบหมายว่าให้เชือดสัตว์กุรฺบานแทนฉัน โดยผู้ที่ถูกรับมอบหมายก็รับปากว่าจะกระทำเช่นนั้นให้ ถือว่าสมบูรณ์ ส่วนการเจ้าของส่วนทั้งเจ็ดมาปรากฎตัวที่เชือดกุรบานพร้อมจับเชือกที่ผูกสัตว์กุรบานพร้อมๆกันขณะเชือดก็ไม่มีแบบอย่างสุนนะฮฺเช่นเดียวกัน

 ส่วนกรณีที่เจ้าของส่วนทั้งเจ็ดต้องมอบหมายให้แก่ผู้ที่ถูกรับมอบหมายด้วยหรือไม่นั้นก็ตกลงกันว่า ในระหว่างบุคคลทั้งเจ็ดมีใครจะเชือดสัตว์กุรฺบานบ้าง หากไม่มีทั้งหมดก็มอบหมายให้บุคคลหนึ่งในเจ็ดนั้นเป็นตัวแทนไปมอบหมายให้บุคคลหนึ่งทำหน้าที่เชือดสัตว์แทนพวกเขา เช่นนี้ถือว่ากระทำอย่างสมบูรณ์แล้ว

 ผู้ที่ถูกรับมอบหมายให้เชือดกุรฺบานต้องตั้งเจตนา(ไม่ใช่กล่าวออกมา) ว่ากุรฺบานนี้เป็นของบุคคลที่ทำส่วนทั้งเจ็ด (หากจำชื่อเจ้าของส่วนได้ก็ให้กล่าวด้วย)


บิดอะฮ์ในการเชือดกุรบาน

ในบางพื้นที่ในบ้านเรา ก่อนเชือดและขณะเชือดจะมีอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องในการเชือดกุรบานด้วย ได้แก่ ผ้าขาว รองเท้าแตะ ถาด กาน้ำ ร่ม โดยนำอุปกรณ์เหล่านี้มาร่วมพิธีด้วยเสร็จแล้วมอบให้แก่คนที่เชือด โดยมีความเชื่อว่ารองเท้าแตะนั้นจะได้สวมใส่ในวันกิยามะฮ์ ได้กางร่มป้องกันความร้อนของดวงอาทิตย์ในวันกิยามะฮ์ จะได้ขี่สัตว์กุรบานเป็นพาหนะในวันกิยามะฮฺ และนอกจากที่กล่าวมาข้างต้นยังมีการพรมน้ำให้สัตว์กุรบาน การอาบน้ำให้สัตว์กุรบาน การพรมแป้ง น้ำหอมให้สัตว์กุรบาน การหวีขนให้สัตว์กุรบาน การกล่าวตักบีรวันอีดก่อนเชือด การนำหัวหอมมาเสียบที่ปลายมีดขณะเชือดเนื้อกุรบาน โดยมีความเชื้อว่าจะทำให้เนื้อกุรบานหอม เหมือนดั่งคำว่าหอมของหัวหอมนั้น นำถาดมาวางบนสัตว์กุรบาน เมื่อเชือดกุรบานแล้วจะนำส่วนหัวของสัตว์กุรบานใส่ถาดให้โต๊ะครูที่ทำการเชือด การกระทำดังกล่าวข้างต้นในขณะเชือดเนื้อกุรบานเป็นประเพณีสืบสานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งไม่มีหลักฐานทางศาสนาแต่อย่างใด ประเพณีเหล่านั้นหากไม่นำมาเกี่ยวของกับการทำอิบาดะฮฺ หรือในเรื่องศาสนา ก็ไม่เป็นไร เช่น การสวมรองเท้าแตะเพื่อไม่ให้เซี่ยนหนามหรือเศษแก้วบาดหรือตำเท้า การกางร่มเพื่อกันแสงแดดให้ผู้เชือดกุรบาน เป็นต้น การกระทำเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เป็นเช่นนั้น พวกเขากระทำไปโดยมีความเชื้อ และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการเชือดกุรบาน ถ้าไม่กระทำก็จะไม่เซ๊าะฮ์ ซึ่งถือว่าการทำเช่นนั้นเข้าข่ายเป็นอุตริกรรม (บิดอะฮฺ) ที่หลงผิดเพราะไปอ้างว่าเป็นเรื่องที่มีรูปแบบทางศาสนา (การทำกุรบานเป็นอิบาดะฮฺ) ทั้งๆ ที่ไม่มีตัวบทระบุให้กระทำ จะทำให้การทำกุรบานหม่นหมอง ใช้ไม่ได้(ไม่เซ๊าะฮ์) ไม่ถูกตอบรับจากพระองค์อัลลอฮ์ เป็นเพียงการเชือดให้กับครอบครัว มิใช่การเชือดพลีแต่อย่างใด


والله ولي التوفيق







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น