อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

เปรียบดั่งต้นไม้



จงเป็นดั่ง “ต้นไม้”
เป็น “ราก” ที่แข็งแรง
เป็น “ลำต้น” ที่คอยพยุง
เป็น “กิ่ง” ที่คอยชี้ทางและนำพา
เป็น “ใบไม้” ที่คอยสะสมความดีงาม
และเป็น “ยอดไม้ที่โก่งงอเข้าหาลำตัน” ที่คอยนำสัจธรรมให้เข้าถึงหัวใจผู้คน

ต้นไม้จะอยู่ได้อย่างไร “หากขาดน้ำ ขาดดิน ขาดอากาศ และขาดแสง” ที่เรียกมันว่า กำลังใจ “จากคนรอบข้าง”

และต้นไม้จะอยู่ได้อย่าง ไร “หากขาดผู้ปลูก” นั่นคือ ผู้สร้าง

“สังคม” จะประเสริฐหากมีผู้นำที่ประเสริฐ ผืนดินบนโลกนั้นมีมาก แต่ผืนน้ำย่อมมีมากกว่าผืนดิน เปรียบดั่งผู้นำที่มีน้อยแต่ผู้ตามมากล้น ปัจจุบันจะมีสังคมสักกี่แห่งที่จะพบกับผู้นำที่รับใช้ “สังคม” ไม่ใช่ดีแต่ “สั่งคน”

มีเหตุการณ์หนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่ง ชายผู้สุภาพ อ่อนโยน สันโดษ และสมถะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการเมืองหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังเดินที่ริมถนนเพื่อตรวจสอบสภาพทั่วไปของบ้านเมืองและพบปะประชาชนนั้น ด้วยความธรรมดาในเครื่องแต่งกายและการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายของท่าน ทำให้ประชาชนหลายคนไม่ทราบว่าท่านคือผู้ว่าการประจำเมืองนั้น

มีชาวอาหรับชนบทคนหนึ่งพบกับท่านในระหว่างเดินทาง อาหรับคนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บรวบรวมหญ้าและใบไม้สำหรับเลี้ยงสัตว์ เมื่อคนชนบทอาหรับเห็นชายผู้นี้เดินผ่าน เขาจึงเรียกเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระด้างว่า “เฮ้ย ! ช่วยแบกกระสอบหญ้าให้ข้าหน่อย” โดยหารู้ไม่ว่ากำลังพูดกับใคร

ชายผู้อ่อนโยนและสุภาพท่านนี้เดินเข้าไปยกกระสอบขึ้นบนหลังโดยไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาแบกกระสอบเดินไปยังบ้านของชาวอาหรับคนนั้น ในขณะเดินทางมีประชาชนหลายคนที่เดินสวนทางกับท่านผู้ว่า และให้สลามแก่ท่าน สำหรับผู้ที่รู้จักเขาต่างก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเขาคิดว่าผู้ว่าการมน่าจะมาแบกกระสอบอยู่เช่นนี้

มีประชาชนบางคนทนดูเหตุการณ์อีกต่อไปไม่ได้ จึงเรียกอาหรับชนบทคนนั้นแล้วถามว่า
“เจ้าไม่รู้หรือว่าคนที่เจ้าใช้ให้แบกกระสอบน่ะคือใคร ?”
“ข้าไม่รู้” ชายอาหรับชนบทตอบ
“นั่นแหละคือท่านเจ้าเมืองของเรา”
“.......”

ชาวอาหรับชนบทตกใจ หน้าซีด หัวเข่าสั่นด้วยความตกใจที่เขาสั่งใช้ท่านผู้ว่าแบกกระสอบใบนั้น เขาละล่ำละลัก ขอโทษเป็นการใหญ่ ทว่าชายผู้สุภาพกลับปลอบใจเขาว่า “เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันแบกจนถึงบ้านของเจ้านั่นแหละ” ชายผู้สุภาพยิ้มตอบด้วยความจริงใจ เมื่อพูดจบ เขาก็แบกกระสอบใบใหญ่ต่อไปจนถึงบ้านของชนบทอาหรับคนนั้น (มาชาอัลลอฮฺ)

ชายผู้สุภาพอ่อนโยน สันโดษ และสมถะผู้นี้ คือ ท่านซัลมาน อัลฟาริชีย์ นั่นเอง ท่านเป็นสหาย (ศอฮาบะฮฺ) ของท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านเป็นชาวเปอร์เซียและได้เข้ารับศาสนาอิสลามเมื่อช่วงแรก ๆ ของการเผยแผ่นั่นเอง

เรื่องสั้นเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้นำที่แท้จริง คือ ผู้ที่ถ่อมตนและพร้อมจะรับใช้ประชาชนโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ



.......................................
(จากหนังสือ : สีสันแห่งโลกใบเล็ก)
เพียงฉัน : เขียน
อดทน เพื่อชัยชนะ โพสต์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น