อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

ความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับอัลลอฮฺ



* ซูเราะฮฺ อัลบากอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 255 ***

255. อัลลอฮฺผู้ทรงมีชีวิตอยู่เสมอ ผู้ทรงดำรงจักรวาลทั้งมวล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ (1) พระองค์ไม่ทรงง่วงและไม่ทรงหลับ (2) ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ (3) ใครเล่าที่จะสามารถเข้าไปขอไถ่โทษกับพระองค์ได้ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์ทรงอนุมัติ ? (4) พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา และสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังของพวกเขา และพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความรู้ของพระองค์ เว้นแต่สิ่งที่พระองค์เองประสงค์จะแสดงให้เห็น (5) อาณาจักของพระองค์ (6) แผ่กว้างทั่วชั่นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการป้องกันสิ่งทั่้งสองนี้ไม่ได้ทำให้พระองค์ต้องทรงเหนื่อยหน่าย พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงสุูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่ (7)
............................................
(1) ถึงแม้พวกคนโง่เขลาอาจจะสร้างพระเจ้าขึ้นมาหลายองค์ และตั้งวัตถุเคารพบูชามามากมาย แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายที่ถูกสร้างมานั้น เป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงมีชีวิตอยู่เสมอ และผู้ทรงไม่มีสิ่งอื่นใดเป็นภาคี พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงดูแลรักษาจักรวาลทั้งหมด พระองค์เท่านั้นเป็นนายแห่งอาณาจักรของพระองค์ ไม่มีสิ่างใดเป็นหุ้นส่วนในคุณลักษณะ อำนาจและสิทธิของพระองค์ ดังนั้น มันจึงเป็นการโกหก เมื่อใดก็ตามที่มีพระเจ้าจอมปลอมใด ๆ ถูกตั้งขึ้นมาเคียงคู่กับอัลลอฮฺบนหน้าแผ่นดินหรือในชั้นฟ้าและมีการทำสงครามต่อต้านสัจธรรม

(2) นี่เป็นการปฏิเสธความคิดเกี่ยวกับอัลลอฮฺที่วางอยู่บนสมมติฐานที่ว่า พระองค์มีความอ่อนแอและมีข้อจำกัดเหมือนกับมนุษย์ที่ไม่มีความสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ใบเบิลกล่าวว่า "และในวันที่ 7 พระองค์ก็เสร็จงานที่พระองค์ทรงทำมา ในวันที่ 7 นั้นก็ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ" (เยเนซิศ 2 : 2) และ "แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตื่นบรรทมอย่างชายฉกรรจ์โห่ร้องเพราะฤทธิิ์เหล้าองุ่น" (สดุดี 78 : 65) แน่นอนอัลลอฮิทรงปลอดพ้นจากความอ่อนแอเช่นนี้โดยสิ้นเชิง

(3) พระองค์ทรงเป็นนายและทรงเป็นเจ้าของโลกและชั้นฟ้าทั้งหลายและทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในทั้งสองสิ่งนี้ ไม่มีใครเป็นหุ้นส่วนมในความเป็นเจ้าของ ในอำนาจ ในอาณาจักรและในการปกครองร่วมกับพระองค์ ใครหรือสิ่่งใดก็ตามที่อาจถูกคิดว่าเป็นพระเจ้านั้น ความจริงแล้วมันเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของจักรวาล และส่วนของจักรวาลนั้นก็คือทรัพย์สินของอัลลอฮฺ ดังนั้น มันจึงไม่สามารถที่จะเป็นหุ้นส่วนหรือคู่แข่งของพระองค์

(4) นี่เป็นการปฏิเสธความคิดผิด ๆ ขอบบรรดาผู้ที่หลงผิดคิดว่านักบุญ หรือเทพยดาจะสามารถเข้าหาอัลลอฮฺเพืือขอไถ่โทษจากพระองค์ให้แก่พวกเขาได้ พวกเขากำลังถูกเตือนว่าไม่มีสิ่งถูกสร้างใด ๆ ของพระองค์สามารถที่จะยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์และขอไถ่โทษแทนให้คนอื่นได้ อย่าว่าแต่จะบังคับพระองค์ให้ยกโทษให้แก่พวกเขาเลย แม้แต่นบี มลาอิกะฮฺและนักบวชก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากอัลลอฮฺ

(5) ตามกุรอาน การตั้งภาคีใด ๆ หรือการตั้งสิ่งใดเป็นพระเจ้าควบคู่กันไปกับอัลลอฮฺ หรอืการถือว่าตัวเองมีสิทธิเหมือนพระองค์หรือมีคุณลักษณะเหมือนกับพระองค์ไม่ว่าจะในทางใดก็ตาม การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นบาปที่ไม่อาจได้รับการให้อภัย การกระทำเช่นกล่าวมานี้เรียกว่า "ชิริก" ในอายะฮฺก่อนหน้านี้กุรอานได้ขุดรากถอนโคนที่มาของ "ชีริก" โดยการประกาศว่าอำนาจของอัลลอฮฺนั้น ไม่มีขอบเขตจำกัดและอำนาจของพระองค์นั้นสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ ในอายะฮฺนี้ได้มีการนำเสนอสิ่งเดียวกับที่อายะฮฺก่อนหน้านี้เคยเสนอมาแล้ว แต่ในอายะฮฺนี้ได้นำเสนอในอีกแง่มุมหนึ่งโดยการตั้งคำถามว่า : จะมีใครเข้ามาแทรกแซงในการจัดการจักรวาลได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีใครมีความรู้ที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการนี้ได้ ? เพราะความรู้ของมลาอิกะฮฺและมนุษย์นั้นไม่สมบูรณ์เสียจนไม่มีใครสามารถที่จะเข้าในระบบจักรวาลได้ ดังนั้น การเข้ามาแทรกแซงในการบริหารจักรวาลจะก่อให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าว่าแต่จะพูดถึงการบริหารจักรวาลเลย มนุษย์ไม่รู้แม้กระทั่งว่าอะไรเป็นสิ่งดีสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาควรที่จะมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมในทางนำของอัลลอฮฺ ผู้เป็นแหล่งที่มาที่แท้จริงของความรู้ทั้งมวลและผู้ทรงรู้ว่าสิ่งที่ดีของพวกเขาอยู่ที่ตรงไหน

(6) คำว่า “กุรซีย์” ในภาษาอาหรับซึ่งแปลว่า “เก้าอี้” หรือ “บัลลังก์” ได้ถูกแปลว่าอำนาจเพราะบัลลังก์ได้ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมของอำนาจ แม้แต่ในภาษาอังกฤษ คำว่าเก้าอี้หรือบัลลังก์ก็ถูกใช้ที่เป็นที่นั่งของผู้มีอำนาจ

(7) อายะฮฺนี้เป็นที่รู้จักกันในนามว่า “อายะฮฺกุรซีย์” ซึ่งเป็นอายะฮฺที่ให้ความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับอัลลอฮฺอย่างที่ไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฮะดีษของท่านรอซูลุลลอฮฺจึงประกาศว่าอายะฮฺนี้เป็นอายะฮฺที่ดีที่สุดของกุรอาน

ตรงนี้มีคำถามเกิดขึ้นว่า มันเกี่ยวอะไรกันด้วยที่อัลลอฮฺ และคุณลักษณะของพระองค์จึงได้ถูกกล่าวไว้ ณ ตรงนี้ ? เพื่อจะตอบคำถามนี้ เราจะต้องมาดูคำพูดที่เริ่มต้นมาจากอายะฮฺที่ 243 ในตอนแรก บรรดาผู้ศรัทธาได้ถูกสั่งให้พยายามดิ้นรนต่อสู้อย่างถึงที่สุดในหนทางของอัลลอฮฺ และเสียสละชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อสถาปนาหนทางของพระองค์ขึ้นมา นอกจากนั้น พวกเขายงได้ถูกเตือนให้ระวังความอ่อนแอต่าง ๆ ที่พวกอิสรออีลเคยมีมาแล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการตอกย้ำพวกเขาว่าความสำเร็จนั้นมิได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคน เสบียงและอาวุธเพียงเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความศรัทธา ความอดทน ระเบียบวินัยและการตัดสินใจที่แน่วแน่ ต่อมาก็ได้มีการพูดถึงวิทยปัญญาแห่งการสงครามว่า มันเป็นอาวุธอย่างหนึ่งที่อัลลอฮฺใช้ขับไล่คนอีกกลุ่มหนึ่ง นั่นคือหถ้าหากคนกลุ่มหนึ่งหรือพรรคหนึ่งพรรคใดได้รับอนุญาตให้มีอำนาจต่อไป มันก็จะทำให้ชีวิตของคู่แข่งและฝ่ายตรงข้ามขอบมันต้องประสบความยากลำบาก ดังนั้น มันจึงเป็นการแสดงว่าอัลลอฮฺทรงมีอาจที่จะขจัดความขัดแย้งในหมู่มนุษย์ แต่มันไม่ใช่เจตนารมณ์ของพระองค์ที่จะทำโดยการบังคับ ดังนั้นพระองค์จึงได้สั่งรอซูลของพระองค์มาพร้อมกับสัจธรรมเพื่อวัตถุประสงค์นี้ แต่พระองค์ได้ทรงปล่อยให้มนุษย์มีอิสระที่จะยอมรับหรือปฏิเสธมัน อีกอย่างหนึ่ง ในตอนเริ่มต้นของคำพูดตอนนี้ บรรดามุสลิมได้ถูกบัญชาให้ใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺ และในอายะฮฺนี้ก็ได้มีการประกาศว่าถึงแม้จะมีความแตกต่างกันในความเชื่อและศาสนาของประชาชนก็ตาม ความจริงก็ยังเป็นความจริงที่ว่าอัลลอฮฺยังคงดูแลและควบคุมจักรวาลทั้งหมดไว้ แน่นอน ไม่ใช่เจตนารมณ์ของพระองค์ที่จะบังคับมนุษย์ให้เชื่อในพระองค์ แต่พระองค์เพียงเตือนพวกเขาผ่านทางบรรดารอซูลของพระองค์ว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์ และเสียสละชีวิตและทรัพย์สินของเขาในหนทางของพระองค์นั้นจะเป็นผู้ได้รับความสำเร็จ และบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะเป็นผู้ขาดทุน


............................................
(จากหนังสือ : ตัฟฮีมุลกุรอาน ความหมาย คัมภีร์ อัล-กุรอาน เล่ม 1 / อรรถาธิบายโดย เมาลานา ชัยยิด อบุล อะลา เมาดูดี / แปลโดย บรรจง บินกาซัน)

อดทน เพื่อชัยชนะ  โพสต์






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น