อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

ชีอะฮ์ในไทยไม่ได้ตามการดูจันทร์เสี้ยว(หิล้าล)ของสำนักจุฬาฯ




ชีอะรอฟีเฎาะฮฺในอินโดนิเซียดูจันทร์เสี้ยวในวันที่ 25 กันยายน 2557 ปรากฎว่าเห็นจันทร์เสีี้ยว ชีอะฮฺในไทยจึงกำหนดวันอีดเป็นเป็นวันที่ 5 ตุลาคม (ซึ่ีงตรงกับวันที่สำนักจุฬาฯ กำหนดวันอีด) มิได้ตามการดูจันทร์เสึ้ยวของสำนักจุฬาฯแต่อย่างใด ซ้ำเป็นการกำหนดดูจันทร์เสี้ยวต่างวันกันอีก (สำนักจุฬาราชมนตรีกำหนดดูจันทร์เสี้ยว 24 กันยายน) แล้วยังมากล่าวหามุสลิมที่ถูกอุตริวาฮะบีว่าบังคับให้สำนักจุฬาฯว่ามีการเห็นจัทร์เสี้ยวออกบวชครั้งที่แล้วอีก พวกเขาจึงไม่ออกอีดตามสำนักจุฬา (หมายความว่าที่สำนักจุฬาประกำหนดวันอีดิลฟิตรีที่ผ่านมา เนื่องจากถูกบังคับ) นี้คือนิสัยพวกรอฟีเฎาะฮ์...


ประกาศการเห็นจันทร์เสียวของประเทศซาอุดิอาระเบี้ย เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผลปรากฎว่าเห็นจันทร์เสี้ยว วันอีดจึงตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม


สำนักจุฬาประกาศให้วันที่ 5 ตุลาคม เป็นวันอิดิลอัฎาฮา

ชีอะฮฺในประเทศไทยประกาศวันที่ 5 เป็นวันอิดิลอัฎฮา เนื่องจากการเห็นจันทร์เสี้ยวในประเทศอินโดนิเซีย เมื่อวันที่ 25 กันยายน


คำพูดของชีอะฮ์รอฟีเฎาะฮ์โดย Lovenabi Islamlibnet ว่า
"ดังนั้นเมื่อสำนักจุฬาฯประกาศออกบวชของเดือนรอมฏอนที่ผ่านมาโดยถูกพวกวะบีกดดันสร้างพยานเท็จขึ้นมาว่ามีคนเห็นเดือนบนภูเขาที่ อ.ยะหาทั้งที่ว่าทีมคนหาจันทร์เสี้ยวนับสิบคนและประชาชนอีกนับพันก็อยู่ในจุดดูเดือนด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อเวลาล่วงไปก็ไม่มีใครเห็นเดือนเสี้ยวแม้ต่คนเดียว แต่หลังจากที่ลงมาจากเขาสำนักจุฬาก็ประกาศว่ามีคนเห็นเดือนที่ยะหาซึ่งกลุ่มวะบีที่ตองการออกอีดให้ตรงกับซาอุเป็นผู้ให้ข้อมูลว่ามีคนเห็นเดือน

จากจุดนี้เองที่ทำให้ชีอะรู้ทันทีว่าสำนักจุฬาฯประกาศออกอีดโดยวะบีสร้างพยานเท็จขึ้นมา เพราะจะเป็นไปได้อย่างไรในจำนวนคนนับพันมีเพียงคนเดียวที่เห็นเดอืน ซึ่งโดยปรกติหากมีใครเห็นจริงเขาก็จะตักบีรและชี้ให้คนอื่นได้เห็นอย่างดีอกอีใจ และประการที่สามนั่นก็คือสมาคมดาราศาสตร์มุมลิมก็ประกาศล่วงหน้าแล้วว่าไม่มีทางจะเห็นเดือนได้เลยในวันดังกล่าว เพราะอยู่ในช่วง”จันทร์ดับ” นอกจากนั้นเมื่อสมาคมนักดารศาสตร์มุสลิม(ถ้าจำไม่ผิด)ขอให้กลุ่มวะบีที่แจ้งสำนักจุฬาไปว่ามีคนเห็นเดือนได้เปิดเผยข้อมมูลการสัมภาษสอบสวนชายที่เห็นเดือนก็กลับไม่สามารถให้ข้อมูลหรือระบุใด้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นใครชื่ออะไร?
ดังนั้นชีอะจึงออกชวชไม่ตรงกับสำนักจุฬาฯ เนื่องด้วยการไม่ชัดเจนในข้อมูลว่าสำนักจุฬาฯเห็นเดือนเสี้ยวจริงหรือไม่ และนี่คือจุดยืนว่าเหตุใดชีอะจึงออกบวชไม่ตรงกับสำนักจุฬาฯแต่คราวนี้กลับออกอีดตรงกัน" (แต่ยึดตามการดูจันทร์เสี้ยวของพวกตนในอินโดนิเซีย)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น