อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ดำรัสว่า
ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย การประหารฆาตกรให้ตายตามในกรณีที่มีผู้ถูกฆ่าตายนั้นได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้าแล้ว คือชายอิสระต่อชายอิสระ และทาสต่อทาส และหญิงต่อหญิง แล้วผู้ใดที่สิ่งหนึ่งจากพี่น้องของเขาถูกอภัยให้แก่เขาแล้ว ก็ให้ปฏิบัติไปตามนั้นโดยชอบ และให้ชำระแก่เขาโดยดี นั่นคือการผ่อนปรนจากพระเจ้าของพวกเจ้า และคือการเอ็นดูเมตตาด้วย แล้วผู้ใดละเมิดหลังจากนั้นเขาก็จะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ * และในการประหารฆาตกรให้ตายตาม นั้น คือการธำรงไว้ซึ่งชีวิตสำหรับพวกเจ้า โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย ! เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ยำเกรง” (สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 178-179)
@@@@ เนื้อหาสาระและข้อคิดที่ได้รับจากคำเรียกร้อง @@@@
**** ความสวยงามและความยุติธรรมของบทบัญญัตินี้และบทบัญญัติต่าง ๆ ของอิสลาม ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่สำคัญว่า “อิสลาม” เป็นศาสนาที่สมบูรณ์ และเป็นศาสนาของพระผู้ทรงสร้างสรรค์สิ่งทั้งหลาย และเป็นการยืนยันในความเมตตาของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ที่มีต่อบ่าวของพระองค์
**** หลักการอิสลามมีความลึกซึ้งกว้างขวางยิ่งนัก อิสลามได้เล็งเห็นถึงจิตใจของมนุษย์ก่อนที่จะกำหนดบัญญัติใด ๆ อิสลามรู้ถึงธรรมชาติและความรู้สึกของมนุษย์เป็นอย่างดี
**** อิสลามเป็นศาสนาที่ผดุงความยุติธรรมให้สังคมเต็มไปด้วยความสงบปลอดภัยได้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งความยุติธรรมที่เด็ดขาดจะเป็นตัวช่วยขจัดความรู้สึกที่เกิดจากอารมณ์ชั่วร้าย และจะช่วยบรรเทาความเคียดแค้นที่มีอยู่ในอกให้ลดหย่อนลง รวมถึงได้ป้องกันไม่ให้ผู้กระทำความผิด กระทำความผิดต่อไปอีก
****หนึ่งในความสวยงามและความยุติธรรมของศาสนาอิสลามนั้น คือ การที่อัลลอฮฺทรงเรียกร้องบรรดาผู้ศรัทธาให้รับรู้และปฏิบัติตามบทบัญญัติอันสวยงามและเที่ยงธรรมอีกประการหนึ่งของศาสนา คือ ถ้าชายอิสระถูกฆ่าตายก็ต้องชดใช้ชีวิตของผู้ตายด้วยของชายอิสระด้วยกัน และถ้าผู้ตายเป็นทาสก็ชดใช้ด้วยชีวิตของทาสด้วยกัน หรือถ้าผู้ตายเป็นหญิงก็ชดใช้ด้วยชีวิตหญิงด้วยกัน ดังกล่าวนี้ในกรณีที่มีการต่อสู้กันเป็นหมู่ เพราะร่วมกันฆ่าหลายคน แต่ถ้าการฆ่าแต่เพียงผู้เดียว แน่นนอนผู้ที่ฆ่าเขาก็จะต้องถูกฆ่าให้ตายตามกัน จะเอาคนอื่นมาแทนไม่ได้
**** การกิศอศ (การประหารฆาตกรให้ตายตาม) นั้นเมื่อมีการยืนยันครบตามเงื่อนไข ก็จำเป็นจะต้องดำเนินการโดยผู้ปกครองรัฐหรือผู้แทนเขา เมื่อญาติของเหยื่อผู้ถูกฆ่าได้ร้องให้ผู้ปกครองดำเนินโทษกิศอศต่อฆาตกร และการกิศอศจะต้องไม่ลงมือเว้นแต่ว่าผู้ปกครองหรือผู้แทนจะต้องร่วมอยู่ในพิธีนั้นด้วย และจะต้องไม่ทำการกิศอศ ยกเว้นด้วยเครื่องมือที่มีความคม อาทิ ดาบ ด้วยการฟันลงไปที่ลำคอของฆาตกร หรือให้ประหารด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกันกับที่ฆาตกรใช้ฆ่าเหยื่อ เช่น ถ้าเหยื่อถูกฆ่าด้วยการทุบหัวด้วยหิน ก็ให้ใช้หินทุบหัวฆาตกรจนเสียชีวิต เป็นต้น
**** และหนึ่งในความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อบ่าวของพระองค์ นั้นคือ ผู้ใดที่ฆ่าคนตาย โดยที่คนหนึ่งคนใดในบรรดาญาติของผู้ถูกฆ่าให้อภัยแก่เขา โดยไม่ปรารถนาจะให้ผู้ฆ่าถูกฆ่าให้ตายตามกันนั้นก็ให้ถือปฏิบัติไปตามนั้น แม้ว่าพี่น้องคนอื่นจะไม่ยินดีก็ตาม ซึ่งคำว่า “สิ่งหนึ่งจากพี่น้องของเขา” นั้นหมายถึงว่าได้มีการอภัยส่วนหนึ่งจากญาติผู้ตาย
****ญาติของผู้ตายที่มีสิทธิ์ในการฟ้องร้องในการดำเนินโทษกิศอศหรือยกโทษให้ ก็คือญาติทั้งหมดที่มีสิทธิในมรดกของเขาไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่ ถ้าหากพวกเขาทุกคนเรียกร้องให้มีการกิศอศก็จำเป็นต้องดำเนินการตามที่เรียกร้องนั้น และถ้าหากทุกคนยกโทษให้ การกิศอศก็ตกไป และถ้าหากว่ามีบางคนเท่านั้นที่ยกโทษให้ และถ้าหากว่ามีการพยายามหาช่องทางเพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการยกโทษให้ฆาตกรแล้วละก็ ให้จำกัดสิทธในการยกโทษเฉพาะแก่ญาติผู้ชายเท่านั้น โดยไม่รวมญาติที่เป็นผู้หญิง
**** การใช้คำว่า “พี่น้องของเขา” นั้น ก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า ถึงแม้ว่าฆาตกรได้ทำให้ญาติผู้ที่ถูกฆ่าได้รับความทุกข์โศกมากมาย เหนืออื่นใดเขาก็ยังเป็นพี่น้องโดยความสัมพันธ์แห่งการเป็นมนุษย์ ดังนั้นถ้าหากสามารถระงับความโกรธต่อพี่น้องผู้ทำผิด และเลิกที่จะแก้แค้นด้วยการเอาชีวิตเขาตอบแทน มันจะเป็นการยกมาตรฐานแห่งความเป็นมนุษย์ให้สูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ฆาตกรที่ได้รับการอภัยให้ไม่ต้องถูกฆ่าให้ตายตามนั้น ก็ต้องจ่ายค่าทำขวัญให้แก่ญาติของผู้ตายโดยดีตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกัน
**** อิสลามสนับสนุนการให้อภัย และเปิดทางให้ด้วยการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน และอิสลามยังเรียกร้องให้มีการให้อภัยด้วยความสมัครใจต่อผู้กระทำผิด ไม่ใช่บัญญัติบังคับที่ขัดแย้งกับธรรมชาติที่เป็นการบีบบังคับให้กระทำในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกหรือไม่สามารถกระทำได้
**** อิสลามปฏิเสธผู้ที่สนับสนุนให้ยกเลิกการลงโทษประหารชีวิต ถ้าหากใครคิดว่าการปล่อยให้มีการแก้แค้นตอบแทนเป็นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรม โดยไม่คิดถึงข้อพิจารณาอื่น ๆ แล้ว มันก็เป็นการไร้มนุษยธรรมพอ ๆ กันที่ไปส่งเสริมการฆาตกรรม โดยการยกเลิกการลงโทษด้วยการประหารชีวิตโดยสิ้นเชิง ดังที่ปฏิบัติกันอยู่ในประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมอัลลอฮฺถึงได้ประกาศว่ากฎหมายแห่งการตอบแทนที่เท่าเทียมกันนั้นทำให้ชีวิตมีความปลอดภัย ถ้าหากว่าสังคมไม่ให้ความเคารพต่อความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตและพยายามที่จะปกป้องฆาตกรแล้ว ก็เท่ากับเป็นการให้รางวัลแก่การฆาตกรรม และเป็นการผลักให้ชีวิตของคนที่บริสุทธิ์อีกหลายชีวิตตกอยู่ในอันตรายบ
………………………………………………………..
เรียบเรียง โดย : อบูอิบานะฮฺ ฟิตยะตุลฮัก
(จากหนังสือ : ได้ยินไหมโอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ? [หนังสือที่รวบรวม 90 คำเรียกร้องสำหรับผู้ศรัทธา]
อดทน เพื่อชัยชนะ โพสต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น