อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ดุอาอฺคืน ลัยละตุล ก็อดรฺ


     ในคืนลัยละตุล ก็อดรฺ คืนแห่งความจำเริญ นั้น ศาสนาสงเสริมให้ผู้ศรัทธาทำอิบาดะฮฺอย่างมากมายในคืนดังกล่าว
ตามแบบอย่างของท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ผละจากภรรยา และยืนขึ้นทำอิบาดะฮฺอย่างมากมายในช่วงสิบคืนสุดท้ายของเืดือนรอมาฎอน

ล่าจากท่าน อาบีฮูรอยเราะฮ์ร่อฎียัลลอฮุอันฮุได้กล่าวว่า ...
ท่านนบี (ซอลลัลลอฮูอาลัยฮิวาซัลลัม)ได้กล่าวว่า



رَحِمَ اللَّهُ رَجُلًا قَامَ مِنْ اللَّيْلِ فَصَلَّى وَأَيْقَظَ امْرَأَتَهُ فَإِنْ أَبَتْ نَضَحَ فِي وَجْهِهَا الْمَاءَ رَحِمَ اللَّهُ امْرَأَةً قَامَتْ مِنْ اللَّيْلِ فَصَلَّتْ وَأَيْقَظَتْ زَوْجَهَا فَإِنْ أَبَى نَضَحَتْ فِي وَجْهِهِ الْمَاءَ


ความว่า

“ ขออัลลอฮ์ทรงเมตตา ชายคนหนึ่งซึ่งได้ ลุกขึ้นมาในยามค่ำคืน 
จากนั้นเขาก็ละหมาด และได้ปลุก ภรรยาของเขา(ให้ลุกขึ้นมา ทำอีบาดัตด้วย)...
หากว่าเธอ ปฏิเสธ(ที่จะลุกขึ้น)เขาผู้นั้นก็จะ ประพรมน้ำบนหน้าของนาง...
ขออัลลอฮฺ ทรงเมตตา หญิงคนหนึ่ง ซึ่งได้ลุกขึ้นมาในยามค่ำคืน 
จากนั้นเธอก็ ละหมาด และได้ ปลุก สามี ของนาง(ให้ลุกขึ้น มาทำอีบาดัตด้วย) 
หากว่า เขาปฏิเสธ นางก็จะปะพรมน้ำบนใบหน้าของเขา.”

(บันทึกโดยท่าน อาบูดาวุด ลำดับที่ 1113 ... ท่าน นาซาอีย์ ในลำดับที่ 1592...และท่าน อิบนุ มาญะฮ์ ลำดับฮาดีษที่ 1326)

ท่านรสูลุลลอฮฺ  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"บุคคลที่ยืนขึ้นในคืนลัยละตุลก็อดรฺ ด้วยความศรัทธามั่น และหวังผลตอบแทนจากพระองค์อัลลอฮฺ เช่นนี้เขาจะถูกอภัยโทษความผิดของเขาในอดีต"(บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ หะดิษเลขที่ 1901 เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ)

และในคืนดังกล่าวศาสนายังส่งเสริมให้ขอดุอาอือย่างมากมายเช่นกัน

และสำหรับผู้ที่สัมผัสคืนคืน ลัยละตุล ก็อดรฺให้เขาวิงวอนขอดุอาอ์ ตามแบบฉบับท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

โดยให้เขาวิงวอนว่า

اللَّهُمَّ إِنَّكَ عَفُوٌّ تُحِبُّ الْعَفْوَ فَاعْفُ عَنِّيْ

คำอ่าน "อัลลอฮุมมะ อินนะกะ อะฟุวฺว่น ตุฮิบบุลอัฟวะ ฟะอฺฟุอันนี"

ความหมาย "โอ้ผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้อภัยยิ่งและพระองค์ทรงรักการให้อภัย ดังนั้นขอได้โปรดประทานอภัยแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

ตามรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา เล่าว่า
"แท้จริงนางกล่าวถามท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า โอ้ท่านรสูลของอัลลอฮฺ ท่านมีความเห็นอย่างไรหากฉันได้สัมผัสกับคืนลัยละตุลก็อดรฺ แล้วฉันจะวิงวอนอะไรในคืนนั้น? ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า เธอจงกล่าวว่า

اللَّهُمَّ إِنَّكَ عَفُوٌّ تُحِبُّ الْعَفْوَ فَاعْفُ عَنِّيْ

(บันทึกหะดิษโดยอิบนุมาญะฮฺ หะดิษเลขที่ 3982)


والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น