บรรดานักนิติศาสตร์อิสลามชั้นนำได้เห็นพ้องต้องกันว่า ผู้เห็นจันทร์เสี้ยวของเดือนรอมาฎอนเพียงคนเดียวก็จะต้องถือศิลอด
รายงานจากท่าน อิบนุ อับบาส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 78) เล่าว่า
"อะอฺรอบีย์ท่านหนึ่ง (อะอฺรอบีย์ คือ ผู้อาศัยอยู่ตามทะเลทราย) มาหาท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม พลางกล่าวว่า : แท้จริงฉันเห็นจันทร์เสี้ยว (ท่านหะสันรายงานว่า เป็นจันทร์เสี้ยวของเดือนรอมาฎอน) ดังนั้น ท่านรสูลจึงถามว่า : ท่านจะปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรได้รับการเคารพภักดีนอกจากพระองค์อัลลอฮฺเพียงองค์เดียวได้หรือไม่ ? เขาตอบว่า : ได้ ท่านรสูลจึงกล่าวต่อว่า : ท่านจะปฏิญาณตนว่าท่านนบีมุหัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮได้หรือไม่ ? เขาตอบว่า : ได้ ท่านรสูลจึงกล่าวขึ้นว่า : โอ้บิลาลท่านจงป่าวประกาศยังผู้คนทั้งหลายว่า พวกท่านจงถือศิลอดในวันพรุ่งนี้เถิด" (บันทึกหะดิษโดยอบูดาซุด เลขที่ 2340 ติรมีซีย์ เลขที่ 691)
แต่บรรดานักวิชาการได้มีความเห็นไม่ตรงกัน ในเรื่องจันทร์เสี้ยวออกบวชเดือนเชาวาล บางท่านเห็นว่า ให้ออกศิลอดได้ แม้จะเห็นจันทร์เสี้ยวเพียงคนเดียว ดังเช่นทัศนะของท่านอิมมชาฟีอี ร่อหิมะฮุลลอฮฺ
แต่นักวิชาการบางท่าน ให้ทัศนะว่า ต้องมีพยานผู้ทรงคุณธรรม 2 คน เห็นจันทร์เสี้ยว จึงจะถือบวช ออกบวชได้ ตามหลักฐานหะดิษ ดังนี้
รายงานจากท่านอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของชัยด์ เล่าว่า เศาะหาบะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม กล่าวว่า
"พวกท่านจงถือศิลอดด้วยการเห็นจันทร์เสี้ยว และจงเลิกถือศิลอดด้วยการเห็นจันทร์เสี้ยว และพวกท่านจงประกอบอิบาดะฮฺ (หรือประกอบพิธีฮัจญ์) เนื่องจากเห็นจันทร์เสี้ยว ดังนั้น หากมีเมฆหมอกมาบดบังเหนือพวกท่าน พวกท่านจงนับให้ครบ 30 วัน และหากมีผู้ทรงคุณธรรม 2 คน มาเป็นพยาน (ว่าเห็นจันทร์เสี้ยว) พวกท่านจงถือศิลอด และพวกท่านจงเลิกละศิลอด" (บันทึกหะดิษโดยนะสาอีย์ เลขที่ 2116 และอัดดารุฏนีย์ เลขที่ 3)
ผู้นำแห่งมักกะฮฺ คือ ท่านอัลหาริษ บุตรของหาฎิบ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า"ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม ให้ความเชื่อมั่นแก่พวกเราในเรื่องการประกอบอิบาดะฮฺด้วยการเห็น (จันทร์เสี้ยว) และหากพวกเราไม่เห็นจันทร์เสี้ยว แต่มีผู้ทรงคุณธรรม 2 คนมาเป็นพยาน (ว่าทั้งสองเห็นจันทร์เสี้ยว) แน่นอน พวกเราจะประกอบอิบาดะฮฺ (หรือประกอบพิธีฮัจญ์) ด้วยการเป็นพยานของเขาทั้งสอง" (บันทึกหะดิษโดยอบูดาวูด เลขที่ 2338 และบัยหะกีย์ เลขที่ 8277)
والله أعلم بالصواب
.....................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น