อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การใช้ผ้าเขียวห่อหุ้มร่างมัยยิต



สำหรับคำถามเรื่องบุคคลบางคนใช้ผ้าเขียวห่อหุ้มร่างมัยยิต โดยอ้างการกิยาสหรือเปรียบเทียบมาจากการที่ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ส่งผ้าของท่านให้ห่อเป็นผืนแรกหรือชั้นในสุดแก่มัยยิตท่านซัยหนับ บุตรีของท่านที่เสียชีวิต

ดังการบันทึกของท่านบุคอรีย์ หะดีษที่ 1253, 1254, 1257, ท่านมุสลิม หะดีษที่ 939, ท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 3126, ท่านอัต-ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 995 และผู้บันทึกท่านอื่นๆ โดยรายงานมาจากท่านอุมมุอะฏียะฮ์ ร.ฎ.นั้น นักวิชาการมีทัศนะสอดคล้องกันว่า หะดีษบทนี้เป็นหลักฐานว่า ผู้ตาย (ท่านซับหนับ) ได้รับบะรอกะฮ์จากการกระทำของท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ..

 แต่การที่จะนำเอาบุคคลธรรมดาอย่างเราๆท่านๆไปเปรียบเทียบกับท่านนบีย์ว่าจะสามารถแผ่บะรอกะฮ์แก่ผู้อื่นเหมือนท่านนบีย์ในกรณีนี้ได้หรือไม่

 ยังเป็นปัญหาที่ขัดแย้งกันระหว่างนักวิชาการ ..

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านอิหม่ามนะวะวีย์และท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ สองนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่แห่งมัษฮับชาฟีอีย์ก็ยังมีทัศนะว่า หะดีษบทนี้คือหลักฐานว่า มนุษย์สามารถรับบะรอกะฮ์จากร่อยรอยของบรรดาคนศอลิห์ (คนดี) ได้ (ดังปรากฏในหนังสือ "ชัรฺหุมุสลิม" ของท่านอิหม่ามนะวะวีย์ เล่มที่ 7 หน้า 3, และหนังสือ "ฟัตหุ้ลบารีย์" ของท่านอิบนุหะญัรฺ เล่มที่ 3 หน้า 129-130)

ซึ่งทัศนะของนักวิชาการสองท่านนี้ก็คือ "หลัก" ของผู้ที่ปฏิบัติดังคำถามข้างต้น ..

จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้ใดจะไปหักล้างความเชื่อในเรื่องนี้ชนิดถอนรากถอนโคนจนสะเด็ดน้ำ หรือกล่าวหาว่าการกระทำอย่างนี้เป็นบิดอะฮ์ฎอลาละฮ์ ..

แต่สำหรับผม เห็นด้วยกับทัศนะที่ว่า เรื่องของการตะบัรฺรุกหรือการแผ่บะรอกะฮ์นั้นเป็นเรื่อง "เฉพาะตัว"

 ของท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น ซึ่งผมไม่มีเวลาพอที่จะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียด ณที่นี้ ..

 ส่วนในกรณีที่ผู้รู้บางคนใช้ผ้าเขียวของตนห่มคลุมหรือห่อให้มัยยิต

ไม่ว่าจะเป็นการขอร้องจากญาติๆของผู้ตายหรือผู้รู้ท่านนั้นอาสาคลุมให้เอง

 - ดังที่ถามมานั้น ผมมองว่า เป็นการกระทำที่ไม่ สอดคล้องกับหะดีษข้างต้น

 เพราะในตัวบทหะดีษระบุอย่างชัดเจนว่า ท่านศาสดาคือ "ผู้เสนอ" ทำสิ่งนี้แก่บุตรีของท่านเอง โดยไม่มีผู้ใดขอร้อง เพราะท่านรู้ดีว่าในตัวท่านมีบะรอกะฮ์อยู่อย่างแท้จริงและสามารถ "แผ่" บะรอกะฮ์นั้นให้แก่ผู้อื่นได้จริง ..

ผมจึงอยากจะถามผู้รู้ท่านใดที่อาสาทำสิ่งนี้แก่ผู้ตายที่ศรัทธาในตัวท่านว่า ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าในตัวท่านมี "บะรอกะฮ์" อยู่จริง

 และท่านสามารถ "แผ่" บะรอกะฮ์ของท่านให้แก่ผู้อื่นได้จริง

 เหมือนท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ??? ..

ถ้าท่านมั่นใจอย่างนั้น ท่านก็มีสิทธิ์ปฏิบัติตามความเชื่อของท่านได้

ซึ่งผมก็เคารพในการตัดสินใจของท่าน

แต่อย่าลืมว่า ท่านต้องรับผิดชอบในการกระทำของท่านต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ศุบฮานะฮูวะตะอาลา) และเตรียมตอบคำถามของพระองค์ด้วยว่า บะรอกะฮ์ที่ท่านแผ่ให้ลูกศิษย์ลูกหาของท่านในการกระทำอย่างนั้น ท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านมี และใครเป็นคนให้ท่าน ?? ...


 ...........................
Admin : al-wadeeh
 Notes by อาจารย์มะห์มูด ศรีอุทัย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น