อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ย่อละหมาดของคนเดินทาง



 ย่อละหมาด

คือการย่อละหมาดชนิดที่มีสี่รอกาอัต  เช่น  ดุห์ริ , อัสริ , และอิชาอฺ  เหลือเพียงสองรอกาอัต  ดังจะได้อธิบายต่อไป

หลักฐานในการบัญญัติกอสร์  คือ  คำดำรัสของอัลเลาะห์ตาอาลาที่ว่า :

"และเมื่อท่านทั้งหลายเดินทางไปใหนหน้าแผ่นดิน  จะไม่มีบาปใด ๆ ตกอยู่กับพวกท่าน  การที่ท่านทั้งจะย่อละหมาด"  ( อันนิซาอฺ : 101)

มุสลิม (686) และผู้อื่น  ได้รายงาน  จากยะอฺลา บุตร อุมัยยะห์  ได้กล่าวว่า :  ฉันได้ถามอุมัร บุตร ค๊อตต๊อบ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) ว่า : (ที่อัลกุรอานกล่าวว่า : ) "จะไม่มีบาปใด ๆ ตกอยู่กับพวกท่าน  การที่ท่านทั้งหลายจะย่อละหมาด  ถ้าหากพวกท่านกลัวว่า  พวกผู้ไร้ศรัทธาจะสร้างความปั่นป่วนกับพวกท่าน"  และบัดนี้ประชาชนมีความปลอดภัยดีแล้ว?  อุมัรตอบว่า  ฉันก็แปลกใจเช่นเดียวกับที่ท่านแปลกใจ  ฉันได้ถามท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ถึงเรื่องดังกล่าว  และท่านก็ตอบว่า : "เป็นซอดาเกาะห์ (ทาน) ที่อัลเลาะห์มอบให้พวกท่านดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงรับซอดาเกาะห์ของพระองค์เถิด"

ฮะดิษนี้ชี้ว่าการย่อละหมาดไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงในกรณีที่กลัวเท่านั้น  และเพื่อให้การย่อละหมาดใช้ได้จำเป็นจะต้องรักษาเงื่อนไขต่าง ๆ ต่อไปนี้ :

-ละหมาดนั้นตกหนักอยู่กับตัวเขาขณะเดินทาง , และเขาจะต้องนำละหมาดนั้นมาปฏิบัติในขณะเดินทางอีกด้วย : 

ดังนั้นจะไม่เข้าอยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว  ละหมาดที่เข้าเวลาแล้วก่อนที่จะเดินทาง  และเขาได้เดินทางไปก่อนจะทำละหมาดนั้น , ดังนั้นจะไม่ยินยอม  ให้ผู้เดินทางย่อละหมาดดังกล่าว  เพราะเขายังไม่ได้เป็นผู้เดินทาง  ขณะที่ละหมาดนั้นวาญิบเหนือตัวเขาและขณะที่ละหมาดนั้นตกหนักอยู่กับตัวเขา

และไม่เข้าอยู่ในเงื่อนไขดังกล่าวอีกเช่นกัน  ละหมาดที่เข้าเวลาแล้วขณะที่เขาเป็นผู้เดินทาง  แต่เขาไม่ได้ทำละหมาดนั้น  จนกระทั่งกลับสู่ภูมิลำเนาของเขา  ก็ไม่ยินยอมให้เขาย่อละหมาดนั้น  เพราะขณะที่นำละหมาดนั้นมาปฏิบัติเขาไม่ใช่เป็นผู้เดินทางแล้ว  และเพราะการย่อละหมาดนั้นยินยอมให้แก่ผู้ที่เดินทางเท่านั้น

-เขาจะต้องพ้นเขตกำแพงเมืองที่เขาเดินทางออกไป  หือพ้นเขตชุมชน  ถ้าหากเมืองนั้นไม่มีกำแพง

เพราะถือว่าผู้ที่ยังอยู่ในกำแพงหรืออยุ่ในเขตชมชนไมใช่เป็นผู้เดินทาง  หมายความว่า  การเดินทางจะเร่มต้นตั้งแต่พ้นเขตดังกล่าว  เช่นเดียวกับการสิ้นสุดการเดินทาง  เมื่อผู้เดินทางกลับมาถึงเขตดังกล่าว  เขาก็จะย่อละหมาดไม่ได้  นอกจากละหมาดที่ตกหนักอยู่กับตัวเขา  แต่ต้องกระทำในช่วงนี้

บุคอรี ( 1039)   และมุสลิม (690)  ได้รายงานจากอะนัส (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) ว่า : ฉันได้ละหมาดดุห์ริกับท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ที่มะดีนะฮ์สี่รอกาอัต  และละหมาดอัสริที่ซุ้ลฮุลัยฟะห์สองรอกาอัต"  ซุ๊ลฮุลัยฟะห์อยู่นอกเขตชุมชนของมะดีนะห์


สำหรับกรณีที่ผู้เดินทางเขาไม่รู้จะพำนักอยู่ในเมืองนั้นกี่วัน  เพื่อทำงานบางอย่างที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำเสร็จเมื่อไหร่  ให้เขาย่อละหมาดได้ในกรณีแรกจนกว่าเขาจะกลับเข้าเขตชุมชนในถิ่นเดิมของเขา  และย่อละหมาดได้ในกรณีที่สองเป็นเวลาสิบแปดวันนอกจากวันที่เขาเดินทางเข้าและเดินทางออก

อบูดาวูด (1229)  ได้รายงาน  จากอิรอน บุน อุซอยน์ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า : "ข้าพเจ้าได้ออกไปทำสงครามร่วมกับท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และได้มาปรากฏตังพร้อมกับท่นในการเข้าพิชิตมักกะห์ (อัลฟัตฮ์) ท่านได้พำนักที่มักกะห์เป็นเวลาสิบแปดคืน  โดยท่านไม่ได้ละหมาดใดนอกจากละหมาดสองรากาอัต"  เพราะท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้พำนักในเวลาดังกล่าวนี้ที่มักกะฮ์ในปีที่เข้าพิชิตมักกะฮ์  เพื่อรบกับพวกฮาวาซิน  ท่านจึงย่อละหมาด  โดยท่านไม่รู้กำหนดเวลาที่จะต้องอยู่ที่มักกะห์ว่าเป็นเวลากี่วัน

-จะต้องไม่ละหมาดตามผู้ที่ไม่ได้เดินทาง

ดังนั้นถ้าหากผู้ที่เดินทางละหมาดตามผู้ไม่ได้เดินทาง  เขาก็จำเป็นจะต้องละหมาดให้ครอบสมบูรณ์จะย่อละหมาดไม่ได้

ส่วนในกรณีกลับกัน  ไม่มีข้อห้ามที่เขาจะย่อละหมาด  คือผู้เดินทางเป็นอิมามนำละหมาดผู้ไม่ได้เดินทาง ยินยอมให้ผู้เดินทางย่อละหมาดได้และสุนัตให้ผู้เดินทางที่เป็นอิหม่าม  เมื่อได้สลามในรอกาอัตที่สองแล้ว  รีบบอกแก่ผู้ที่ตามโดยกล่าวแก่พวกเขาว่า : "พวกท่านจงละหมาดให้ครบสมบูรณ์เถิด  เพราะฉันเป็นคนเดินทาง"

หลักฐานในเรื่องนี้ก็คือฮะดิษที่อะห์มัด  ได้รายงานด้วยสายรายงานที่ซอเฮียะห์  จากอิบนุอับบาส (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) ว่าเขาถูกถามว่า : "ทำไมคนเดินทางจึงละหมาดสองรอกาอัต  เมื่อละหมาดคนเดียวและสี่รอกาอัตเมื่อละหมาดตามผู้ที่ไม่ได้เดินทาง? เขาตอบว่า : "นั่นคือซุนนะห์"

และได้ปรากฏในฮะดิษ  อิมรอน (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) ที่ผ่านมาแล้ว  และท่านนบีจะกล่าวว่า : "ชาวเมืองเอ๋ย  พวกท่านจงละหมาดสี่รอกาอัตเถิด  เพราะพวกเราเป็นพวกที่เดินทาง"


الله أعلم بالصواب


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น