อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วิญญาณจะกลับบ้านจริงหรือ?



เมื่อร่างกับวิญญาณจากกัน เราได้รับรู้ว่า ร่างนั้นถูกนำไปฝังหรือถูกนำไปเผาตามความเชื่อของแต่ละศาสนา แต่ในไม่ช้าร่างนั้นก็จะสูญสลายไปตามกาลเวลา
แล้ววิญญาณไปไหน........

เป็นคำถามที่คาใจ แต่ใครจะให้คำตอบได้ เพราะคนที่อยู่นี้ก็ไม่มีใครที่เคยมีประสบการณ์ และคนที่ไปก่อนหน้าเราก็ไม่เคยกลับมาบอกเสียด้วย

พระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงกล่าวว่า
“และเบื้องหลังของพวกเขามีสิ่งปิดกั้นไว้ จนถึงวันที่พวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ” ซูเราะห์อัลมุอ์มีนูน อายะห์ที่ 100

เราได้รับรู้จากคัมภีร์อัลกุรอานว่า เมื่อวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว ก็ไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเรียกว่า “ บัรซัค” หรือบางคนเรียกว่า “อาลัมบัรซัค” เป็นโลกที่ถูกปิดกั้นไว้ตราบจนวันกิยามะห์

คนที่ไปก่อนหน้าเราเขาก็ไปคอยอยู่ และเราก็กำลังจะก้าวตามไปสู่โลกบัรซัคเช่นเดียวกัน แต่ทั้งคนที่ไปแล้วและที่กำลังจะตามไปนี้ก็ไม่สามารถสื่อสัมพันธ์กันได้อีก เช่น เขาคิดถึงเราก็จะกลับมาเยี่ยมเราไม่ได้ และเมื่อเราคิดถึงเขา จะขอไปเยี่ยมเขาก็ไม่ได้



จริงหรือที่วิญญาณจะไม่กลับสู่โลกดุนยา

ไม่มีตัวบทหลักฐานที่ถูกต้อง (ศอเฮียะห์) ใดๆเลยที่ยืนยันว่า วิญญาณจะกลับมาในโลกดุนยานี้อีกครั้ง นอกจากเป็นเรื่องเล่าหรือเป็นตำนานที่กล่าวขานกันมาแต่ดึกดำบรรพ์ หรือไม่ก็เป็นคำสอนตามลัทธิ หรือตามความเชื่อของศาสนาอื่นเท่านั้น เช่นความเชื่อเรื่องวิญญาณจะเวียนว่ายตายเกิด โดยกล่าวกันว่า
- คนที่ทำดีมากวิญญาณก็จะไม่มาจุติในภพนี้อีก แต่จะไปเกิดเป็นเทวดา

- คนที่ทำดีบ้างชั่วบ้างจะได้เกิดมาในฐานะที่ลดหลั่นกันไป ตามเวรกรรมที่ได้ทำไว้แต่ชาติปางก่อน หรือเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า

- ส่วนคนที่ทำความชั่วมากเขาจะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกในชาตินี้ แต่จะไปเป็นเปรต หรือเป็นวิญญาณเร่ร่อน รอคอยญาติอุทิศผลบุญส่งไปให้

เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อตามลัทธิและตามคำสอนของศาสนาอื่นทั้งสิ้น และเมื่อมุสลิมไปน้อมรับเอาคำสอนของศาสนาอื่นมายึดถือ ก็ทำให้เกิดพิธีกรรมต้อนรับ,อัญเชิญ หรือส่งดวงวิญญาณ และการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณตามมาด้วย

บางคนเมื่อเห็นหน้าลูกหรือหลานที่เพิ่งเกิดมาใหม่ถึงกับอุทานว่า “หน้าเหมือนกี หรือเหมือนโต๊ะมันเลย สงสัยกีมันหรือโต๊ะมันกลับมาเกิด” ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้จะออกมาจากปากของมุสลิม
ในเมื่อข้อความจากคัมภีร์อัลกุรอานในข้างต้นยืนยันว่า วิญญาณนั้นเมื่อออกจากดุนยาแล้วจะไปอยู่ที่ อาลัมบัรซัค โดยจะไม่กลับมาในโลกดุนยานี้อีกครั้ง

แล้วการอัญเชิญดวงวิญญาณ การติดต่อสื่อสารกับดวงวิญญาณ หรือการที่วิญญาณเข้าร่างทรง หรือเข้าสิงร่างของคน หรือที่เรียกว่าผีเข้า และบางครั้งก็มาให้เห็นในฝัน อย่างนี้จะอธิบายได้อย่างไร
ความจริงคนที่มั่นคงอยู่กับการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เหตุการณ์ข้างต้นนี้จะไม่เกิดขึ้นแก่เขาอย่างแน่นอน

พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
“และผู้ใดที่หันห่างจากรำลึกถึงผู้ทรงเมตตา เราจะให้ซัยตอนตัวหนึ่งแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นสหายสนิทของเขา” ซูเราะห์อัลซุครุฟ อายะห์ที่ 36

เมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใจของมนุษย์หันห่างออกจากการศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮ์แล้ว ซัยตอนซึ่งเป็นสหายสนิทก็จะทำหน้าที่ของมันทันที โดยมันจะพูดแทน กระทำแทนเขาโดยใช้ร่างของเขาเป็นตัวแสดง
บางครั้งมันจะพูดหรือแสดงอาการของคนที่เรารักหรือเคารพนับถือที่ได้ตายจากไป ลูกหลานหรือญาติสนิทบางคนต่างก็เข้าใจว่า คนตายไปแล้วได้กลับมาจริงๆ ต่างก็เอาอกเอาใจ อยากจะกินอะไรก็จัดหามาให้

แต่ที่น่าสังเกตก็คือ หากเป็นคนที่เรารักหรือญาติสนิทที่ตายจากไปแล้วจริงๆ ก็น่าจะมาบอกหรือเตือนถึงสิ่งที่เขาได้ไปประสบพบเจอมา และเตือนให้ลูกหลานได้ระวัง แต่มากี่ครั้งก็ ตะกละ ทุกที อยากกินโน่นกินนี่ มิหนำซ้ำ เมื่อไม่ได้ดังใจก็จะบิดไส้บิดพุงลูกหลานร่ำไป แต่...ทำให้ก็ไม่เคยพอ ได้เวลาต้องมาขอทุกที

พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
“และมนุษย์บางคนได้ขอความคุ้มครองจากญินบางตัว (ซัยตอน) ดังนั้นพวกเขาจึงทำให้มันหยิ่งพะยอง” ซูเราะห์อัลญิน อายะห์ที่ 6

ด้วยความรักด้วยความห่วงใยที่มีต่อผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วนี่เอง ลูกหลานหรือญาติของผู้ตายมักจะทำตาม และนั่นมันเป็นการเซ่นสังเวยซัยตอนโดยไม่รู้ตัว

..............................
โดย อ.ฟารีด เฟ็นดี้
Sulaimarn Darakai โพส






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น