อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อย่าพูดคุยกันระหว่างฟังคุฏบะฮฺละหมาดวันศุกร์



ผู้ที่มาละหมาดวันศุกร์ ซึ่งกำลังฟังอิมามหรือโต๊ะคอฏีบคุฏบะฮฺอยู่นั้น ควรนิ่งเงียบตั้งใจฟังคุฏบะฮฺ แม้ว่าเป็นผู้ที่ตักเตือนผู้อื่นให้หยุดพูดก็ตาม เพราะจะทำให้การละหมาดวันศุกร์ของเราไร้ผล หากมีการคุยกัน อิมาม หรือโต๊ะคอฏีบ ที่กำลังคุฏบะฮฺ ควรตักเตือนพวกเขา และกล่าวถึงผลของการพูดคุยกันขณะคุฏบะฮฺนั้น ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งของคุฏบะฮฺวันศุกร์

ซึ่งการที่ผู้มาละหมาดคนหนึ่งได้ตวาดเสียงไปยังกลุ่มคนที่นั่งคุยกันขณะคุฏบะฮฺนั้น ทำให้ผู้มาละหมาดจ่องไปยังเขาผู้นั้น และหยุดชะงักในการฟังคุฏบะฮฺ และไม่ทำให้กลุ่มคนที่พูดคุยกันหยุดนิ่งแต่อย่างใด นอกจากจะทำให้ผู้คนที่มาละหมาดวันศุกร์เสียสมาธิแล้ว ยังส่งผลให้การละหมาดวันศุกร์ของเขาเสียไปด้วย


ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
 “เมื่อท่านกล่าวแก่เพื่อนของท่านขณะอิมาม (หรือเคาะฏีบ) กำลังคุฏบะฮฺในวันศุกร์ว่า ท่านจงนิ่งเถิด แน่นอนยิ่งท่านก็ทำให้ (ผลบุญของการนมาซวันศุกร์) เป็นโมฆะแล้ว”  (หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 882, มุสลิม หะดีษที่ 1404, อบูดาวูด หะดีษที่ 938, นะสาอีย์ หะดีษที่ 1385 และอิบนุมาญะฮฺ หะดีษที่ 1100)

الله أعلم بالصواب




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น