อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อัลกุรอาน กล่าวถึงหลังคาเป็นดังเกราะป้องกัน



THE PROTECTED ROOF

พระผู้เป็นเจ้าทรงสอนให้เราตระหนักถึงลักษณะที่น่าสนใจยิ่งของท้องฟ้า ไว้ในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัลอัมบิยาอ:

“ และเราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคา ถูกรักษาไว้ไม่ให้หล่นลงมา
และพวกเขาก็ยังหันหลังให้สัญญาณต่างๆของมัน ”
(อัลกุรอาน 21:32)

ลักษณะดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 20
บรรยากาศที่ล้อมรอบโลกนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต สะเก็ดดาวทั้งเล็กและใหญ่จะถูกทำลายขณะที่เข้ามาใกล้พื้นโลก เป็นการป้องกันมิให้ตกสู่พื้นโลกและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
นอกจากนี้ ชั้นบรรยากาศยังกรองรังสีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตเอาไว้ด้วย ที่น่าสนใจก็คือจะมีเพียงรังสีที่ไม่เป็นอันตรายและมีประโยชน์เท่านั้นที่ผ่านมายังโลกเรา นั่นคือ แสงที่สามารถมองเห็นได้  รังสีใกล้อัลตร้าไวโอเลตและคลื่นวิทยุ  ซึ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต รังสีใกล้อัลตร้าไวโอเลต ซึ่งจะผ่านชั้นบรรยากาศลงมาบางส่วน ใช้สำหรับการสังเคราะห์แสงของพืช และการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ส่วนรังสีอัลตร้าไวโอเลตเข้มข้นจากแสงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะถูกกรองโดยชั้นโอโซน มีเฉพาะบางส่วนที่จำเป็นเท่านั้นที่มาถึงผิวโลก
หน้าที่ในการป้องกันโลกยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ชั้นบรรยากาศยังป้องกันโลกจากความหนาวเย็นของอวกาศที่มีอุณหภูมิถึง -270 องศาเซลเซียส อีกด้วย
ภาพสะเก็ดดาวที่พุ่งมายังโลก เป็นวัตถุที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศและอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อโลก แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอย่างลงตัว ได้ทรงสร้างชั้นบรรยากาศมาเป็นหลังคาปกป้องโลก ทำให้สะเก็ดดาวต่างๆกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในชั้นบรรยากาศ ก่อนที่จะตกลงมาถึงโลก
ผู้คนส่วนมากที่มองท้องฟ้ามักไม่ได้นึกถึงความสำคัญของชั้นบรรยากาศในการปกป้องโลก เราแทบไม่ทันคิดกันเลยว่าโลกจะเป็นอย่างไรถ้าปราศจากระบบป้องกันเช่นนี้ ภาพนี้เป็นภาพหลุมยักษ์อันเกิดจากสะเก็ดดาวที่ตกลงมายังเมืองอริโซนา สหรัฐอเมริกา หากไม่มีชั้นบรรยากาศ สะเก็ดดาวจำนวนนับล้านคงจะตกมายังโลก ซึ่งจะทำให้ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลกอีกต่อไป ชั้นบรรยากาศซึ่งทำหน้าที่ปกป้องโลกจึงช่วยให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้อย่างปลอดภัย นี่คือการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองมนุษย์ นับเป็นความมหัศจรรย์ที่ประกาศไว้ในอัลกุรอานโดยแท้

พลังเผาผลาญที่ปะทุจากดวงอาทิตย์ มีความรุนแรงมากเกินกว่าที่มนุษย์จะประมาณได้ การปะทุเพียงครั้งเดียวเท่ากับ แรงระเบิดปรมาณูที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาถึงหนึ่งแสนล้านลูก แต่โลกนี้ก็ได้รับการปกป้องจากชั้นบรรยากาศ  
เหนือจากชั้นบรรยากาศของโลกขึ้นไป จะเป็นอากาศที่หนาวจัด โลกได้รับการปกป้องจากชั้นบรรยากาศให้พ้นจากความหนาวจัดที่มีอุณหภูมิถึง - 270 องศาเซลเซียส
ชั้นบรรยากาศแมกเนโตสเฟียร์ เกิดจากสนามแม่เหล็กโลกซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันโลกจากรังสีคอสมิกและจากวัตถุต่างๆในอวกาศ  ภาพนี้แสดงชั้นบรรยากาศแมกเนโตสเฟียร์ ซึ่งเรียกได้อีกอย่างว่า “แนวแวนอัลเลน” แนวเหล่านี้อยู่เหนือโลกขึ้นไปถึง 1,000 กิโลเมตร ทำหน้าที่ปกป้องสิ่งมีชีวิตในโลกจากอันตรายต่างๆในอวกาศ ซึ่งการค้นพบทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า เป็นการปกป้องที่ได้ผล สิ่งที่สำคัญก็คือ การปกป้องดังกล่าวนี้ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน 1,400 ปีมาแล้วในอายะฮ์ที่ว่า “เราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคาที่ปกป้องและคุ้มครอง

ชั้นบรรยากาศจะปล่อยให้แสงที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตผ่านมายังพื้นโลกเท่านั้น ดังตัวอย่างของรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่สามารถผ่านลงมายังโลกเพียงบางส่วน เฉพาะที่จำเป็นในการสังเคราะห์แสงของพืช และในการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิต




ไม่เพียงแต่ชั้นบรรยากาศเท่านั้นที่ปกป้องโลกจากสิ่งอันตรายต่างๆ ยังมีชั้นบรรยากาศที่เรียกว่า แนวแวนอัลเลน (Van Allen Belt ) ซึ่งเกิดจากสนามแม่เหล็กของโลก ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันอนุภาคกัมมันตรังสีจากดวงอาทิตย์และดาวอื่นๆ  หากไม่มีแนวแวนอัลเลน พลังงานที่เกิดจากการปะทุบนดวงอาทิตย์ (พลังงานโซล่าร์) มีความรุนแรงจนสามารถทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกนี้ ดังคำกล่าวของ ดร. ฮิวจ์ รอสส์ (Dr. Hugh Ross) ดังนี้
“ในความเป็นจริงแล้ว โลกเป็นดาวที่มีความหนาแน่นมากที่สุดในระบบสุริยจักรวาล แกนโลกซึ่งประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิลนี้ ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กที่ก่อให้เกิดแนวแวนอัลเลน ซึ่งเป็นเกราะป้องกันมิให้รังสีต่างๆพุ่งตรงเข้ามา หากปราศจากเกราะกำบังนี้ สิ่งมีชีวิตต่างๆก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในโลก ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์อีกเพียงดวงเดียวที่มีสนามแม่เหล็ก แต่ก็มีพลังน้อยกว่าโลกถึง 100 เท่า แม้แต่ดาวศุกร์ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับโลก ก็ยังไม่มีสนามแม่เหล็ก แนวแวนอัลเลนจึงนับว่าออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะโลกเราจริงๆ” 1
พลังโซล่าร์จากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งตรวจพบเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อเทียบกับแรงระเบิดปรมาณู ที่ถล่มเมืองฮิโรชิมาก็จะเท่ากับ 1 แสนล้านลูก หลังจากการปะทุ 58 ชั่วโมงจะสังเกตได้ว่าเข็มทิศชี้ต่างไปจากเดิม และที่ 250 กิโลเมตรเหนือชั้นบรรยากาศของโลก อุณหภูมิจะสูงขึ้นถึง 2500 องศาเซลเซียส
กล่าวโดยสรุปว่า ระบบที่สมบูรณ์แบบดังกล่าวมาแล้วนั้นช่วยปกป้องโลกและป้องกันอันตรายจากนอกโลกนั้น นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะเรียนรู้ไม่นานมานี้เอง แต่พระผู้เป็นเจ้าได้บอกแก่เราในอัลกุรอานมาหลายศตวรรษแล้ว





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น