อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ชีวิตจะยาวนานเพียงใด สุดท้ายก็เป็นศพ



ครั้งหนึ่ง ท่านญิบรีล ได้มาหาฉัน และได้กล่าวแก่ฉันว่า ....

"โอ้.! มุฮัมมัด เจ้าจะใช้ชีวิต (ยาวนาน) อย่างไร ? แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าก็จะเป็นศพ เจ้าจะรักใครก็รักไปเถิด ถึงอย่างไร เจ้าต้องพลัดพรากจากเขาอย่างแน่นอน เจ้าจะกระทำสิ่งใดก็แล้วแต่เจ้าเถิด เจ้าจักต้องได้รับการตอบแทนอย่างแน่แท้ และโปรดจงรู้ไว้เถิดว่า เกียรติของมุอฺมินนั้นคือการละหมาดกลางคืน และความสูงส่งของมุอฺมินนั้นคือ การหลุดพ้นจากการพึ่งพามนุษย์”

(บันทึกโดยอัฏฏอบรอนี และอัลฮากิม)

โอ้ ผู้ที่กำลังลุ่มหลง ! เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่ ?

เจ้าหวังสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ความตายอยู่แค่เอื้อม เจ้ากลับลืม

จงรู้เถิดว่า “ความอยาก” นั้นเปรียบเสมือนมหาสมุทร

ซึ่งเรือของมันคือดุนยา ขอเจ้าจงอย่าได้หลงทาง

เจ้ารู้ดีว่า... ความตายนั้น คือแขกที่มาเยือนโดยไม่มีการนัดหมาย

เจ้ารู้ดีว่า... ความตายนั้น รสชาติมิได้หอมหวาน

เจ้ารู้ดีว่า... วันหนึ่งจะได้เห็นเด็กกำพร้า หญิงหม้ายร้องไห้

เจ้ารู้ดีว่า... วันหนึ่งเจ้าจะถูกห่อด้วยผ้าขาว

เจ้ารู้ดีว่า... เจ้ามาจากดิน และจะกลับไปสู่ดิน

เจ้ารู้…เจ้ารู้…เจ้ารู้…

หรือเจ้าทำเป็นไม่รู้ ?

ท่านยาซีด อัรฺเราะกอชี หนึ่งในบรรพชนรุ่นแรก (ชาวสะลัฟ) ผู้มีความสมถะพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า

“โอ้ ยาซีด ! ใครจะละหมาดแทนเจ้า หลังจากเสียชีวิต ? ใครจะถือศีลอดแทนเจ้าหลังจากวิญญาณออกจากร่าง ? ใครจะทำหน้าที่แทนเจ้าในการทำให้พระผู้อภิบาลของเจ้าพอพระทัย ? โอ้ มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าจงร้องไห้และจงคร่ำครวญให้มากกับชีวิตที่เหลือของพวกเจ้าเถิด.!

โอ้.. ผู้ที่กุบูรฺกำลังร้องเรียกหา

โอ้.. ผู้ที่หลุมศพกำลังจะกลายเป็นบ้าน

โอ้ ..ผู้ที่ผืนดินกำลังจะเป็นที่นอน

โอ้ ..ผู้ที่ตัวหนอนกำลังจะเป็นมิตร

โอ้ ..ผู้ที่ความกลัวอย่างสุดขีดกำลังรออยู่ ! ”

ท่านอบู อัดดัรดาอฺ ซึ่งเป็นเศาะฮาบะฮฺที่มีชื่อเสียงได้ตักเตือนประชาชาติให้ระลึกถึงความตายว่า

“สามสิ่งที่ทำให้ฉันหัวเราะแปลกใจ คือ คนที่วิ่งตามดุนยา ในขณะที่ความตายกำลังวิ่งตามเขาอยู่ คนที่กำลังละเลยจากการทำดี แต่เขารู้ดีว่าเขาจะไม่ถูกละเลยจากการสอบสวน คนที่หัวเราะได้เต็มปาก ทั้งๆ ที่เขาไม่รู้ว่าอัลลอฮฺพอพระทัยหรือกริ้วเขา

และสามสิ่งที่ทำให้ฉันร้องไห้ คือ การพลัดพรากจากท่านนบีและเศาฮาบะฮฺที่ฉันรัก ความน่าสะพรึงกลัวตอนที่ถูกปลุกขึ้นมาจากความตาย และการยืนต่อหน้าพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ในวันที่ความลับจะถูกเปิดเผย โดยที่ฉันไม่รู้ว่าฉันจะไปยังสวรรค์หรือนรก”

ท่านอบูซัรฺ อัลฆิฟารี ซึ่งเป็นเศาะฮาบะฮฺอาวุโสท่านหนึ่งได้กล่าวว่า

“พวกเจ้าเกิดมาเพื่อตาย... พวกเจ้าสร้างเพื่อการสูญสลาย... พวกเจ้าขวนขวายเพื่อสิ่งดับสูญ... แต่พวกเจ้ากลับละทิ้งสิ่งที่ยั่งยืนถาวร”

note น่าจะเพียงพอแล้วที่ความตายได้มาเยือนกับคนที่เรารัก คนที่เรารู้จัก ในขณะที่ยังไม่สมควรแก่เวลาและอายุขัย จะเป็นบทเรียนเพื่อเตือนใจให้เราเร่งเรีบในการกลับตัว และเริ่มต้นสะสมเสบียงแห่งความดีก่อนที่เราจะหมดโอกาส จงอย่าชะล่าใจโดยคิดว่าเราอายุยังน้อย อย่าคิดว่าคงยังไม่น่าจะถึงเวลาของเรา เพราะความตายไม่มีกฏเกณฑ์ในการเรียงลำดับตามความดีหรืออายุขัย.... อินชาอัลลอฮ วัลลอฮุอะลัม

..............................................................................
Cr คัดย่อบางตอนจากในหนังสือโลกแห่งหลุมศพ
Dariyah Muslimah โพส



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น