อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การซิกริลละฮพร้อมๆกันด้วยเสียงดัง



การซิกริลละฮพร้อมๆกัน ด้วยเสียงดัง เป็นการซิริลละฮรูปแบบพวกซูฟีฏอรีกัต

ومنه أن يجتمع الناس في مكان ما – مسجد أو غيره- ويدعون الله، وبصوت واحد إلى غروب الشمس ويجعلون الاجتماع لهذا الذكر شرطا للطريقة
ส่วนหนึ่งจากมัน (จากการซิกริลละฮเป็นหมู่คณะ) คือ การที่ บรรดาผู้คนมารวมตัวกัน ในสถานที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมัสยิดหรืออื่นจากมัน และพวกเขาดุอาต่ออัลลอฮ พร้อมๆกัน จนกระทั่งตะวันลับฟ้า และพวกเขากำหนดให้การชุมนุมเป็นหมู่คณะด้วยการซิกีรนี้ เป็นเงือนไข สำหรับกลุ่มเฏาะรีกัต –
الحوادث والبدع (126)


ท่านอัชชะกีรีย์ (ร่อหิมะฮุลลอฮฺ)กล่าวว่า

والاستغفار جماعة على صوت واحد بعد التسليم من الصلاة بدعة . والسنة استغفار كل واحد في نفسه ثلاثاً ، وقولهم بعد الاستغفار : يا أرحم الراحمين - جماعةً - بدعة ، وليس هذا محل هذا الذكر

การกล่าวอิสตีฆฟารฺ เป็นหมู่คณะ พร้อมๆกัน หลังจากการ ให้สล่ามจากละหมาดนั้น เป็นบิดอะฮ และตามสุนนะฮนั้น ต่างคนต่างกล่าวอิสติฆฟาร เบาๆ สามครั้ง และการที่พวกเขา กล่าวหลังจากอิสตีฆฟาร ว่า
يا أرحم الراحمين (ยาอัรหะมัรรอฮีมีน)

เป็นหมู่คณะ นั้นเป็นบิดอะฮ และสิ่งนี้ ไม่ได้อยู่ในที่ของการซิกิรนี้  (ดู อัสสุนัน วัลมุบตะดะอาต หน้า 60)



.......................................
โดย อ. อาสัน หมัดอาด้ำ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น