อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เหตุใดคนดีจึงต้องอยู่ในความยากลำบาก



#คำถาม : เหตุใดคนดีจึงต้องอยู่ในความยากลำบากและเหล่าคนชั่วส่วนมากอยู่กับความสุขสบาย?

#ตอบ : ก็เนื่องจากว่าพระองค์ทรงมีความรักต่อบ่าวผู้ใกล้ชิดของพระองค์นั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองหากบ่าวผู้ใกล้ชิดเหล่านั้นทำความผิดพระองค์จะทรงพิโรธอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขาได้สำนึก และหวนระลึกถึงพระองค์ในเวลาอันรวดเร็วดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ใน
พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ในบท อัลฮากเกาะฮ์ โองการที่ 44-45 ว่า "และหากเขา(มุฮัมมัด)เสกสรรกล่าวคำเท็จบางคำแก่เราแล้ว เราก็จะจับเขาด้วย ความมั่นคง"

ดังนั้นหากผู้ศรัทธาคนใดกระทำความผิดพระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เขาลอยนวลนอกเสียจากเขาจะต้องถูกลงโทษ
อย่างทันทีทันใด

เนื่องจากพระองค์ทรงรักและห่วงใย พระองค์ประสงค์จะให้บ่าวที่รักคนนั้นของพระองค์รีบกลับตัวกลับใจ หวนหาพระองค์เขาจึงอยู่ในความลำบากทันทีเนื่องจากได้รับการลงโทษ
จากพระองค์

แต่ในทางกลับกัน คนชั่วทั้งหลาย คือคนที่พระองค์ไม่ทรงรักพวกเขา พระองค์จะทรงประวิงเวลาให้แก่พวกเขา และเมื่อเวลาของพวกเขาหมดลง พระองค์ก็จะทรงทำลายพวกเขาเช่นกัน "และเราได้กำหนดเวลาสำหรับความพินาศของพวกเขาไว้แล้ว" คือพระดำรัสของพระองค์ ในบท อัลกะฮฟ์ โองการที่ 59
และในกรณีที่ความหวังแห่งการกลับเนื้อกลับตัวของพวกเขาไม่มีอีกแล้ว พระองค์จะทรงประวิงเวลาให้พวกเขาอยู่ต่อไปโดยที่ยังมิได้ถูกลงโทษ เนื่องจากความดื้อรั้นของพวกเขา และจะคิดบัญชีกับพวกเขาในวันแห่งการตัดสิน (วันแห่งการพิพากษา)
และพระองค์จะทรงให้เวลาพวกเขาจน
ครบอายุสัญญาของพวกเขา ซึ่งพระองค์ได้ทรงตรัสเอาไว้ในบท อัลอาลิอิมรอน โองการที่ 178 ว่า "และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา นั้น จงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า
ที่เราประวิง ให้แก่พวกเขานั้น เป็นการดีแก่ตัวของพวกเขา
แท้จริงที่เราประวิงให้แก่พวกเขานั้น เพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนซึ่งบาปกรรม เท่านั้น และสำหรับพวกเขานั้น คือการลงโทษอันต่ำช้า"

จงพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น :

-หากมีหยดน้ำหวานหยดลงบนเลนซ์
แว่นตาของคุณคุณจะรีบทำความสะอาดมันในทันทีทันใด
-แต่ทว่าบางครั้งหากมีหยดน้ำหวาน
หยดลงบนเสื้อผ้าสีขาวของคุณ คุณจะพยายามอดทนไว้ จนกระทั่งคุณกลับไปถึงบ้าน และค่อยเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เสีย
-เช่นกันในบางครั้งหากมีหยดน้ำหวาน
หยดลงบนพรมใน
บ้าน ที่คุณเดินผ่านไปมา คุณจะเพิกเฉยมันและคอยจนกว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีแล้วค่อยทำความสะอาดเสียทีเดียว ....

พระองค์ก็เช่นเดียวกัน พระองค์จะทรงมีวิธีในการดำเนินการ
กับบ่าวของพระองค์แตกต่างกันไป ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความบริสุทธิ์ และความหม่นหมองแห่งจิตวิญญาณ
ของปวงบ่าวเหล่านั้นบทลงโทษจึงมีการประวิงเวลาจากพระองค์เช่นเดียวกัน (คล้ายกับการประวิงเวลาในการทำความสะอาดหยดน้ำหวาน ในแต่ละสถานการณ์)

................................................
credit http://www.ahlulbait.org/

แวนิต้า โรส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น