อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

จำนวน(นิสอบ)สิ่งที่ถูกฟังอยู่ในพื้นดินที่ต้องจ่ายซะกาต




สิ่งที่ถูกฝังอยู่ในพื้นดินมี 3 ประเภท 

คือ 1.สิ่งที่ขุดได้ หรือขุมทรัพย์

2.สิ่งถูกฝังไว้ คือ ทรัพย์ของหาย เป็นทรัพย์ที่ถูกฝังในที่ดินครอบครอง หรือกรรมสิทธิ์  และของเก็บตก คือทรัพย์สินที่ถูกฝังในพื้นดินที่เป็นดินสาธารณะ

3.สินแร่ใต้พื้นดิน  ได้แก่ สินแร่ที่เป็นของแข็ง สามารถหลอมเหลวจนตัวเป็นก้อนได้ เช่น ทองคำ เงิน ดีบุก สินแร่ที่เป็นของแข็ง แต่ไม่หลอมเหลว เช่นกำมะถัน ดินสอพอง และสินแร่ที่เป็นของเหลว เช่นน้ำมันดิบ เป็นต้น

การจ่ายทรัพย์สินที่ถูกฝังในพื้นดิน ให้จ่ายซะกาต เศษหนึ่งส่วนห้า (1/5) ของทรัพย์นั้น โดยไม่มีเงื่อนไขของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่ต้องพิจาณาว่าครบนิศอบ(พิกัดทองคำ) แต่อย่างใด

ท่ารสูลลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า
“และในขุนทรัพย์จ่าย(วะกาต)เศษหนึ่งส่วนห้า” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ เลขที่ 65 เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ)
กรณีที่ทรัพย์ซึ่งขุดพบบรริเวณที่ดินครอบครอง หรือกรรมสิทธิ์ หากรู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของบุคคลใดก็ต้องส่งมอบให้เจ้าของ หรือทายาทของเขา

ส่วนกรณีที่ไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ทรัพย์นั้นจะเสมือนของตกหล่นหาย จำต้องประกาศหาเจ้าของเป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ถ้าไม่พบว่าผู้ใดอ้างเป็นเจ้าของทรัพย์นั้นตกเป็นของผู้พบทรัพย์นั้น

ท่ารสูลลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า
“ทรัพย์ที่ตกหล่นตามท้องถนน และในหมู่บ้านทั่วไปนั้น ต้องประกาศ(หาเจ้าของทรัพย์) 1 ปี ดังนั้นหากเจ้าของ(ทรัพย์) มารับก็จงมอบให้แก่เขา แต่ถ้าหากเจ้าของไม่มารับ ทรัพย์นั้นก็เป็นของท่าน (ผู้เก็บทรัพย์นั้น) และทรัพย์ใดที่ตกหล่นบริเวณสถานที่รกร้าง ทรัพย์นั้นเป็นขุนทรัพย์ซึ่งต้องจ่ายเศษหนึ่งส่วนห้านั้นเอง” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวู๊ด เลขที่ 1712 เป็นหะดิษหะซัน)

والله أعلم بالصواب



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น