ชัยอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ์ (ร่อหิมะฮุลลอฮฺ) กล่าวว่า
"ใครที่ปฏิบัติตามความรู้ของตน จนกระทั่งตระหนักถึงสิ่งที่ต้องปฏิบัติโดยทั่วไป รู้จักสิ่งที่คลุมเครือ เขาย่อมให้สิทธฺ์แก่เจ้าของสิทธฺ์ รู้ว่าคำพุดที่ดีที่สุด คือคำพูดของอัลลอฮฺ ไม่มีคำอธิบายใดที่สมบูรณ์กว่าคำอธิบายของพระองค์ และสิ่งที่มุสลิมมีความเห็ตรงกันในเรื่องศาสนานั้นมีมากมายหลายเท่ากว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นแย้งกัน
ขึ้นชื่อว่ามุสลิมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสุนนะฮฺหรือบิดอะฮฺ ล้วนมีความเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็นที่ต้องศรัทธาต่ออัลลอฮฺ บรรดามลาอิกะฮ์ เหล่าคัมภีร์ บรรดารสูล และวันกิยามะฮฺ พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องละหมาด จ่ายซะกาต ถือศิลอด และทำฮัจญ์ เห็นพ้องต้องกันว่าใครเชื่อฟังอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์นั้น จะได้เข้าสวรรค์ และจะไม่ถุกลงโทษ และเห็นพ้องกันว่าใครที่ไม่ศรัทธาว่ามุหัมมัดเป็นรสูลของอัลลออฺ ที่ถูกส่งมายังตนนั้นถือว่าเป็นกาฟิร ตัวอย่างที่พวกเขาเห็นพ้องกันเช่นนี้ มีอีกมากมายที่ล้วนเป็นรากฐานของศาสนาและหลักการศรัทธาที่มุสลิมและมุมินทุกคนล้วนมีเหมือนๆกัน
ส่วนการขัดแย้งของพวกเขาหลังจากนั้นต่อบางหุกุมการลงโทษ หรือส่วนหนึ่งจากความหมายของบางพระนามของอัลลอฮฺ ถือเป็นเรื่องเล้กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาเห็นตรงกัน แตกต่างจากผู้ที่ขัดแย้งกับสัจธรรมอันชัดแจ้งซึ่งมาจากอัลกุรอานและสุนนะฮฺ ในทัศนะของนักวิชาการส่วนมากนั้น พวกเขาเป็นที่รู้จักในนามของพวก "บิดอะฮฺ" และ "พวกหลงผิด" คำพูดของพวกเขาไม่มีน้ำหนัก และไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชาติอิสลามแต่อย่างใด เช่น พวกเคาะวาริจญ์ พวกรอฟิเฎาะฮฺ และพวกเกาะดะรียะฮฺ เป็นต้น
ความจริงแล้วบรรดาผู้รู้ได้ขัดแย้งในเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งไม่เป็นที่รับทราบของบุคคลทั่วไป โดยจำเป็นต้องนำเอาสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน (ในหมู่อะฮ์ลุสสุนะฮ์) กลับสู่การตัดสินของอัลลอฮฺ และรสูลของพระองค์" (จาก "มัจญ์มูอ์ อัลฟะตะวา" 7/356)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น