อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไม่ได้เข้าหะละเกาะฮฺ





มุสลีมะฮฺฟังไว้!!!

พวกผู้ชายที่ไม่เข้าฮาลาเกาะฮฺ
ไม่ต้องไปเอา มาเป็นพ่อขอลูก
เพราะเขาไม่ได้รับการตัรบียะฮ

ที่มาl อาจารย ม.ฟาฎอนีย์
Erfan Bin Fauzee โพส
16 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Pattani

--------------------------------------!!!!!!

ขอแย้งครับ เป็นเงื่อนไขที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
สรุปคนๆหนึ่ง จะได้รับการตัรบียะห์ตัวเอง เขาจะต้องเข้าฮาลาเกาะห์เสมอไป ใช่ไหม
และเงื่อนไขหนึ่งที่หญิ่งจะเลือกชาย ผช ต้องเข้าฮาลาเกาะฺฮ กระนั้นหรือ...

เพราะ ผช..ที่เข้า ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะมีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อของลูกได้เสมอไปครับ...

เพราะบางคนถึงเข้าไปฟังตัรบียะห์ทุกสัปดาห์ แต่ไม่กลับมาตัรบียะห์ตัวเอง ก็เป็นเศษขยะในสังคมได้เหมือนกัน

นาอุซูบิลลาฮิมินซาลิก
ขอให้ห่างไกล จากแนวคิดที่สุดโต่งด้วยครับ

---------------------------

ความหมายหะละเกาะฮฺ

หะละเกาะฮฺ ทางด้านภาษา หมายความว่า เป็นวงกลม,เชือก,การผูก,วงกลม

หะละเกาะฮฺ ทางด้านการนำมาใช้ หมาย ความว่า การจัดกลุ่มศึกษาขึ้นเพื่อการศึกษาอิสลามร่วมกัน ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมฮาลากอฮฺจะเป็นผู้กำหนดเนื้อหาที่จะนำมาพูดคุยกันเอง เช่น การศึกษาอัลกุรอานพร้อมกับความหมาย , การศึกษาอัลฮาดิษ, การศึกษาประวัติท่านนาบีและซอฮาบะฮฺ,การศึกษามรรยาทต่างๆของอิสลาม, การศึกษาวิชาฟิกฮฺร่วมกัน



หลักฐานการเจาะจงวิธีหะละเกาะฮฺ หรือตะอฺลีม

 ไม่พบหลักฐานการเจาะจงวิธีทำตะอฺลีม หรือการทำหะละเกาะฮฺจากสุนนะฮฺของท่านนบีเลย
 เมื่อเราไม่พบหลักฐาน นั่นก็หมายรวมว่า เราสามารถที่จะมีวิธีการเรียนการสอนอย่างไรก็ได้ที่ไม่ขัดกับหลักการของศาสนา
แต่ทว่า หากการทำตะอฺลีม หรือหะละเกาะฮฺนั้นมีกฎระเบียบขึ้นมาแล้วอ้างว่าเป็นสุนนะฮฺของท่านนบี ประเด็นนี้ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง

 ตัวอย่างเช่น มารยาทในการนั่งทำตะอฺลีม หรือทำหะละเกาะฮฺต้องนั่งในท่าตะฮียัต
ถามว่า ที่ระบุว่าต้องนั่งในท่านตะฮียัตนั้นใครเป็นคนบอก?
อุละมาอฺบอก หรือท่านนบีบอก?
ในเมื่อการทำตะอฺลีม หรือหะละเกาะฮฺไม่มีรูปแบบเจาะจงมาจากท่านนบี
 แล้วใครจะมาบอกว่าให้ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้เป็นมารยาท
 หรือเป็นเงื่อนไขในการทำตะอฺลีมอีก
ฉะนั้นในประเด็นนี้บอกได้เลยว่าไม่พบหะดีษหรือสุนนะฮฺจากท่านนบีที่สอนให้กระทำเช่นนั้น

สำหรับจุดประสงค์ในการทำตะอฺลีม หรือหะละเกาะฮฺ เพื่อให้นูรฺอัลกุรฺอาน และนูรฺหะดีษเข้าในจิตใจ
 การสอนข้างต้นไม่ทราบว่าได้รับความรู้มาจากแหล่งไหน?
ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง คนที่นั่งฟังคุฏบะฮฺ, นั่งฟังบรรยายที่เก้าอี้ หรือนั่งฟังอัลกุรฺอาน หรือฟังหะดีษจากวิทยุ หรือจากเทปบันทึกเสียง ก็คงไม่ได้รับนูรฺจากอัลกุรฺอานและหะดีษที่เข้าถึงจิตใจเลย
 เห็นไหมครับว่าหากเราได้ข้อมูลมาจากแหล่งอื่นซึ่งมิใช่จากอัลกุรฺอานและสุนนะฮฺของท่านนบีเราจะเข้าใจอิสลามอย่างคลาดเคลื่อนโดยทันที
 ดังนั้นสิ่งที่อ้างมาข้างต้นไม่พบหลักฐานจากหะดีษเศาะหี้หฺ หรือหะสันว่าด้วยท่านนบีสอนไว้เช่นนั้น



สรุปคือ  การทำตะอฺลีม หรือหะละเกาะฮฺนั้นไม่มีรูปแบบเจาะจงตายตัว ถือว่าเป็นวิธีการเรียนการสอนหนึ่งเท่านั้น
ครั้นเมื่อไม่รูปแบบตายตัวจำเป็นที่เราจะต้องละทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่อิสลาม
แล้วนำมาวางเป็นกฎเกณฑ์ในการเรียนการสอนในรูปแบบของตะอฺลีม หรือหะละเกาะฮฺเลย
 เพราะแทนที่เราจะได้รับผลบุญ เราอาจจะมีความผิดก็เป็นได้.


والله أعلم بالصواب

.........................................................................................
บทความส่วนหนึ่ง จาก อ.มุรีด มิมะเสน และชะบ๊าบ ก๊อลบุนสะลีม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น