อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความเป็นอยู่ของท่านหญิงคอดีญะฮฺ ( รอฎียัลลอฮูอันฮา ) ในสมัยยาฮีลียะห์





            ก่อนที่จะพูดถึงประวัติของท่านหญิงคอดีญะฮฺ ( รอฎียัลลอฮูอันฮา ) ในสมัยยาฮีลียะห์ควรทำความเข้าใจก่อนถึงสถานภาพความเป็นอยู่ในสมัยนั้น สถานภาพความเป็นอยู่ในมักกะฮฺมีบทบาทสูงต่อการดำรงชีวิตของท่านหญิง ซึ่งอันเป็นสถานที่หลักของท่านในการดำรงชีวิต. และมักกะฮฺเป็นสถานที่คนอาหรับได้ตระหนักใส่ใจให้ความสำคัญของการเป็นอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มาจากต้นตระกูลอัล-กอรซียะห์ โดยที่ผู้ชายจะให้เกียรติแก่ผู้หญิง ด้วยการออมน้อมในการสื่อสารและร่วมงานอย่างสุภาพ.
จากนี้ พอสรุปได้ว่าบรรยากาศการใช้ชีวิต ในเมืองมักกะฮ์นั้นเต็มไปด้วยเกียรติ , ศักดิ์ศรี , มารยาทดีงามการสื่อสัมพันธ์ไมตรีและให้ความเคารพซึ่งกันและกันในวงหมู่คณะและสังคมรอบข้าง

นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า ท่านหญิงคอดีญะฮฺ( รอฏียัลลอฮูอันฮา ) ได้รับการสืบทอดจากผู้เป็นบิดาและมารดาด้านรูปลักษณ์ที่สวยงาม,มารยาทดีที่เป็นแรงดึงดูดให้แก่มวลชนที่ดูท่านแล้วมีความเคารพแก่ท่านและเกียรติอย่างดีงามซึ่งมาจากอิทธิพลมารยาทดีของท่านหญิงคอดีญะฮฺ ด้วยบรรยากาศและสภาพความเป็นอยู่ในเมืองมักกะฮฺที่ดีงามนั้นเป็นปัจจัยหลักที่ซึมซับเข้าไปในจิตวิญญาณของท่านหญิงที่แสดงถึงความเป็นสตรีมุสลีมะห์

การเป็นอยู่ของท่านหญิงในสมัยนั้น ฟังคำแนะนำจากลูกพี่ลูกน้องของท่าน (วารอเกาะบุตรเนาฟัล) ในการทำงานของท่านอย่างสม่ำเสมอ.

ครั้งหนึ่งท่านหญิงคอดียะห์ได้ถามลูกของอา ถึงศาสดาที่พระเจ้าส่งประทานมายังมนุษย์ชาติเพื่อเผยแพร่สารของพระองค์และถามถึงพระเจ้าในการทำศาสนกิจ

ในขณะนั้นลูกของท่าน ( วารอเกาะบุตรเนาฟัล ) มีความรู้สึกว่าท่านหญิงเป็นคนที่บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเลวร้าย,เลยตอบคำถามของท่านหญิงด้วยความตั้งใจและเต็มใจด้วยความรู้ที่อ่านและเรียนมาจนกระทั่งท่านหญิงคอลีญะห์มีความรู้สึกพึงพอใจจากคำตอบของวารอเกาะเลยละทิ้งสิ่งที่ห่วงห้ามทั้งหมด และปรับแก้ไขทางด้านจิตวิญญาณตั้งแต่ในสมัยก่อนอิสลาม(ยาฮีละยะห์)

ด้วยความโปรดปรานของเอกองค์อัลลอฮฺที่ดูแล และปกป้องท่านหญิงตั้งแต่อายุยังน้อยจากสิ่งเลวร้าย,ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อที่จะให้ท่านเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์ชาติทั้งปวง

ในสมัยก่อนอิสลาม ( ยาฮีลียะห์ ) ท่านหญิงได้ถูกเรียกว่า ผู้หญิงที่บริสุทธิ์เนื่องจากอยู่ใต้การดูแลและปกป้องของอัลลอฮฺและไม่มั่วสุมกับสิ่งเลวร้ายและในช่วงเวลานั้นท่านหญิงคอลีญะฮฺเป็นผู้หญิงที่เลิศในหมู่คณะผู้หญิงทั้งหลายและเป็นดาวเด่นของตระกูลกูรุซ

ประเพณีของการเป็นอยู่ของชาวเมืองมักกะฮฺส่วนมากจะหาคู่ให้กับบุตรสาวตั้งแต่อายุยังน้อยในเมื่ออายุถึง 10 ปี ก็จะมีคนมาสู่ขอเป็นภรรยาและในขณะนั้นวารอเกาะบุตรเนาฟัลก็พยายามที่จะให้ท่านหญิงคอลีญะห์แต่งงานกับ อาติกบุตรของอาบีดบุตรอับดุลลอฮฺบุตรอุมัรบุตรมัยสุม ซึ่งอายุของท่านหญิง 10 ปีประมาณการ และอาติกนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยกย่องของชาวอาหรับ ท่านหญิงและสามีได้อาศัยอยู่พร้อมกันช่วงระยะหนึ่งอัลลอฮฺทรงประทานลูกหญิง(บุตรหญิง)ที่มีชื่อว่าฮินด์ หลังจากนั้นสามีของท่านหญิง(อาติก อัลมัฆซูมี)ได้สินพระชนม์,ในเวลาต่อมาอบูฮาลาฮฺ (ฮินดุล บุตร อัลมันนาช บุตร ซารอเราะฮ บุตร อาซียัร บุตร อามร บุตร ตามีม)ได้เข้าหมั่นท่านหญิงคอลีญะฮฺและอัลลอฮฺทรงประทานลูกชายซึ่งมีชื่อว่า ฮาละฮฺ ในเวลาต่อมาสามีของท่านได้สิ้นพระชนม์ในช่วงอายุของท่านหญิง 20 ปี หลังจากนั้นท่านหญิงก็มีโอกาสที่จะทำมาหากินค้าขายกับมรดกอันล้ำค่า ในขณะนั้นท่านหญิงเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่มีทุนการค้าขายเยอะ ท่านหญิงได้ต่อสู้ในการค้าขาย หลังจากที่สามีของตนได้สิ้นพระชนม์ ในเวลาต่อมาท่านหญิงได้ทำการบริหารค้าขายโดยจัดหาลูกจ้างเพื่อทำการค้าขายแทนท่านโดยใช้ทุนของท่าน การค้าขายของท่านได้พุ่งขึ้นได้กำไรมาก จนกระทั่งท่านมีความร่ำรวยมาหาศาล

หลังจากการร่ำรวยของท่านหญิงคอลีญะห์จึงได้แต่หวังการสร้างจิตวิญญาณที่สูงเพื่อสรรเสริญต่อผู้เป็นเจ้า.

ในขณะที่ท่านหญิงได้ยินชีวประวัติของผู้ชายคนนี้ที่จะเป็นนบี  และเติมเต็มทางนำให้กับมนุษยชาติ  ท่านหญิงหวังที่จะได้เห็นเขาและเป็นบุคคลหนึ่งที่ตามท่าน

            แท้จริง  ท่านหญิงคอดีญะฮฺได้เดินทางไปยังกะบะห์ตามปกติของนาง   และท่านจะเวียนรอบๆกะบะห์พร้อมกับเพื่อนๆของนางโดยการเดิน ( ซะแอ) และนั่งในป้อมเมื่อนางต้องการ  แล้วหลังจากนั้นก็กลับไปยังบ้านของนาง  และไปยังที่นอนของนางและนางได้นอนฝันเห็นดวงอาทิตย์ที่แก่กล้าลงมาจากฟากฟ้าที่มักกะฮฺเพื่อมาสถิตในบ้านของนาง  และแสงสว่างอันนี้ได้เต็มบ้านของนางจนกระทั่งจ้าไปเต็มดุนยา

            นางได้รู้สึกมีความสุขเมื่อนางตื่นนอน   นางได้เดินทางไปยังลูกของน้าของนางเพื่อเล่าเรื่องราวที่นางฝันให้เขาฟัง   เมื่อเขาฟังแล้วใบหน้าของเขาอิ่มเอิบไปด้วยความปิติยินดี  และก็กล่าวว่า  “ จงแจ้งข่าวดีเถิดโอ้ลูกสาวของน้า  หากรักอัลลอฮให้ฝันของเธอเป็นจริง แน่นอนว่าแสงสว่างแห่งการเป็นนบีจะเข้ามาสู่บ้านของเธอ “

            ความฝันนี้ทำให้นางครุ่นคิด  เมื่อนางฝันนี้ทีไรนางก็จะไปยังกะบะฮฺและก็จะกลับไปยังบ้านของนางด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุข   ความพึงพอใจ  และความใกล้ชิดกับอัลลอฮ

            จากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วได้บอกไห้เรารู้ว่าท่านหญิงคอดีญะฮฺและเชื้อสานของนางนั้นมาประจบกับท่านนบีในทอดคนที่สี่  คือ  กุซัย  บิน  กีลาบ

            สำหรับชีวิตของท่านหญิงในสมัยยาฮีลียะฮฺ  ท่านหญิงไม่เคยกราบไหว้รูปปั้นและการอีบาดัตอื่นนอกจากอัลลอฮ    และไม่ได้บนบานอื่นใดนอกจากอัลลอฮ

            และเช่นเดียวกัน   เราได้รู้ว่าท่านหญิงคอดีญะห์มีฉายานามหลายฉายานามในสมัยยาฮีลียะห์  เช่น  ตอฮีเราะห์   และในสมัยอิสลาม  ชื่อ  อุมมูลมุอฺมีนีน

            และเช่นเดียวกันเราได้รู้ว่าท่านหญิงคอดีญะฮฺแต่งงานมาสองครั้งก่อนที่นางจะแต่งงานกับท่านนบี   คนทีหนึ่งคือ  อาตีกุลมัคซูมี   คนที่สอง   มาลิก บิน  นาบาซ


 ∩0∩ ∩︿∩ ∩ω∩ ∩﹏∩ ∩△∩ ∩▽∩

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น