อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประชาชาติของท่านนบีมุหัมมัดกลุ่มแรกที่เดินผ่านนรกยะฮันนัม



"ศิรอฏจะถูกพาดระหว่าง 2 ฝั่งของนรกญะฮันนัม ดังนั้นฉันและประชาชาติของฉันจะเป็นกลุ่มแรกที่เดินข้ามผ่าน(อัลบุคอรี หะดีษเลขที่ 806, มุสลิม หะดีษเลขที่ 182)

ความลึกของนรก

عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: كنا مع رسول الله × إذ سمع وَجْبَةً، فقال النبي صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم : «تَدْرُونَ مَا هَذَا؟» قال: قلنا الله ورسوله أعلم، قال: «هَذَا حَجَرٌ رُمِيَ بِـهِ فِي النَّارِ مُنْذُ سَبْعِينَ خَرِيفاً فَهُوَ يَـهْوِي فِي النَّارِ الآنَ حَتَّى انْتَـهَى إلَى قَعْرِهَا». أخرجه مسلم

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า เราอยู่พร้อมกับท่านท่าน รสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทันใดนั้นได้ยินมีเสียงที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า พวกท่านรู้ไหมว่านี่มันเป็นเสียงอะไร? เขาเล่าว่า พวกเราตอบว่า อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์รู้ดียิ่ง ท่านกล่าวว่า นั่นเป็นเสียงของหินที่มันถูกโยนลงไปในนรกตั้งแต่ 70 ปีที่แล้ว และในขณะนี้มันยังคงตกไหลลงจนกระทั่งถึงก้นหลุม” (มุสลิม หะดีษเลขที่ 2844)

عن سمرة بن جندب رضي الله عنه أنه سمع نبي الله صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم يقول: «إنَّ مِنْـهُـمْ مَنْ تَأْخُذُهُ النَّارُ إلَى كَعْبَيْـهِ، وَمِنْـهُـمْ مَنْ تَأْخُذُهُ إلَى حُجْزَتِـهِ، وَمِنْـهُـمْ مَنْ تَأْخُذُهُ إلَى عُنُقِهِ». أخرجه مسلم

จากสะมุเราะฮฺ บิน ญุนดุบ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ เขาได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “แท้จริงมีส่วนหนึ่งของชาวนรกบรรดาผู้ที่ไฟนรกลุกลามถึงข้อเท้าของเขาและบางคนไฟจะลุกลามถึงเอวของเขาและบางคนจะลุกลามถึงต้นคอของเขา” (มุสลิม หะดีษเลขที่ 2845)



ส่วนต่างๆ ของชาวนรกถูกสร้างให้ใหญ่โต

عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قال رسول الله صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم : «ضِرْسُ الكَافِرِ أَوْ نَابُ الكَافِرِ مِثْلُ أُحُدٍ، وَغِلَظُ جِلْدِهِ مَسِيرَةُ ثَلاثٍ». أخرجه مسلم

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ฟันกรามหรือฟันเขี้ยวของผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร) จะใหญ่เหมือนกับภูเขาอุฮุด และความหนาของผิวหนังของเขาจะกว้างเท่ากับการเดินทาง 3 คืน” (มุสลิม หะดีษเลขที่ 2851)

عن أبي هريرة رضي الله عنه أن النبي صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم قال: «مَا بَيْنَ مَنْكِبَي الكَافِرِ فِي النَّارِ مَسِيرَةُ ثَلاثَةِ أَيَّامٍ لِلرَّاكِبِ المُسْرعِ». متفق عليه

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ความกว้างระหว่างไหล่ทั้งสองของผู้ปฏิเสธในนรกจะเท่ากับการเดินทางด้วยการขับขี่อย่างรวดเร็วเป็นระยะเวลา 3 วัน” (อัลบุคอรี หะดีษเลขที่ 6551, มุสลิม หะดีษเลขที่ 52)

عن أبي هريرة رضي الله عنه عن النبي صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم قال: «ضِرْسُ الَكَافِرِ يَومَ القِيَامَةِ مِثْلُ أُحُدٍ، وَعَرْضُ جِلْدِهِ سَبْعُونَ ذِرَاعاً، وَعَضُدُه مِثْلُ البَيْضَاءِ، وَفَخِذُهُ مِثْلُ وَرقَانٍ، وَمَقْعَدُهُ مِنَ النَّارِ مَا بَيْنِي وَبَينَ الرَّبَذَةِ». أخرجه أحمد والحاكم

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ”ในวันกิยามะฮฺฟันกรามของพวกกาฟิร จะใหญ่เหมือนกับภูเขาอุฮุด ผิวหนังของเขาหนา 70 ศอก แขนของเขาใหญ่เหมือนกับภูเขาอัลบัยฏออ์ (มีความใหญ่ขนาดภูเขาอุฮุด) ขาอ่อนของเขามีความใหญ่เหมือนกับภูเขาวัรกอน และที่นั่งของเขาทำจากไฟมีขนาดระหว่างฉันกับอัรเราะบะซะฮฺ (ชื่อสถานที่อยู่ระหว่างมะดีนะฮฺกับมักกะฮฺ“ (อะหฺมัด หะดีษเลขที่ 8327 , อัลหากิม หะดีษเลขที่ 8759)



ความร้อนระอุของไฟนรก

 تَجِدَ لَهُمْ أَوْلِيَاءَ مِن دُونِهِ وَنَحْشُرُهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ عَلَىٰ وُجُوهِهِمْ عُمْيًا وَبُكْمًا وَصُمًّا مَّأْوَاهُمْ جَهَنَّمُ كُلَّمَا خَبَتْ زِدْنَاهُمْ سَعِيرًا ( 97 ) อัล-อิสรออ์ - Ayaa 97

"และผู้ใดที่อัลลอฮทรงแนะแนวทาง เขาก็จะเป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และผู้ใดที่อัลลอฮทรงให้หลงทางแล้ว ดังนั้นสูเจ้าจะไม่พบอีกเลยสำหรับพวกเขา ซึ่งบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์และเราจะชุมนุมพวกเขาในวันกิยามะฮ ถูกลากคว่ำหน้า โดยมีสภาพเป็นคนตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่พำนักของพวกเขาคือนรกญะฮันนัมทุกครั้งที่มันมอดเราได้เพิ่มการเผาไหม้ลุกโชนแก่พวกเขา"

ذَٰلِكَ جَزَاؤُهُم بِأَنَّهُمْ كَفَرُوا بِآيَاتِنَا وَقَالُوا أَإِذَا كُنَّا عِظَامًا وَرُفَاتًا أَإِنَّا لَمَبْعُوثُونَ خَلْقًا جَدِيدًا ( 98 ) อัล-อิสรออ์ - Ayaa 98

"นั่นคือการตอบแทนของพวกเขา โดยแน่นอน พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของเรา และพวกเขากล่าวว่า“เมื่อเราเป็นกระดูกและร่วนยุ่ยแล้ว แท้จริงเราจะถูกให้ฟื้นขึ้นเพื่อกำเนิดใหม่ได้อย่างไร" (อัลอิสรออ์ 17/97-98)

عن أبي هريرة رضي الله عنه أن النبي صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم قال: «نَارُكُمْ هَذِهِ الَّتِي يُوقِدُ ابْنُ آدَمَ جُزْءٌ مِنْ سَبْعِينَ جُزْءاً مِنْ حَرِّ جَهَنَّمَ» قالوا: والله إن كانت لكافية يا رسول الله، قال: «فَإنّهَا فُضِّلَتْ عَلَيْـهَا بِتِسْعَةٍ وَسِتّينَ جُزْءاً كُلُّها مِثْلُ حَرِّهَا». متفق عليه

2. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ไฟที่มนุษย์ใช้จุดอยู่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจาก 70 ส่วนความร้อนของไฟนรกญะฮันนัม” พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ เท่าที่เป็นอยู่ก็ถือว่าเพียงพอแล้วท่านรสูลุลลอฮฺ ท่านกล่าวว่า แท้จริงความร้อนของมันจะถูกเพิ่มทวีขึ้น 69 เท่า ทุกเท่าของมันจะร้อนเหมือนกันหมด” (อัลบุคอรี หะดีษเลขที่ 806, มุสลิม หะดีษเลขที่ 182)

عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قال رسول الله صَلَّى اللهُ عَلَيهِ وَسَلَّم «اشْتَـكَتِ النَّارُ إلَى رَبِّهَا فَقَالَتْ: رَبِّ أَكَلَ بَـعْضِي بَـعْضاً، فَأَذِنَ لَـهَا بِنَفَسَينِ، نَفَسٍ فِي الشِّتَاءِ وَنَفَسٍ فِي الصَّيْفِ، فَأَشَدُّ مَا تَـجِدُونَ مِنَ الحَرِّ، وَأَشَدُّ مَا تَـجِدُونَ مِنَ الزَّمْهَرِيرِ». متفق عليه

3. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ไฟ (นรก) ได้ร้องทุกข์กับพระเจ้าของมันว่า โอ้พระเจ้าของฉัน ส่วนหนึ่งของฉันต่างกินอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้นพระองค์ได้อนุมัติให้นรกได้ผ่อนหายใจได้สองครั้ง ครั้งหนึ่งในฤดูหนาวและอีกครั้งในฤดูร้อน และเพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดความร้อนระอุและความหนาวเหน็บอย่างหนักที่พวกท่านได้ประสบ (ตามสภาพดินฟ้าอากาศ)” (อัลบุคอรี หะดีษเลขที่ 3265, มุสลิม หะดีษเลขที่ 2843)


...................
Santi Mana









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น