صحابة |
นอกจากหลักฐานอ้างอิงจากกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺซึ่งถูกพิสูจน์ถูกต้องว่ามาจากสุนนะฮฺของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแล้ว ชาวอะลุสสุนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺก็ยังต้องปฏิบัติตามในวิถีทางที่เหล่าเศาะฮาบะฮฺทั้งจากชาวมุฮาญิรีน และชาวอันศอรได้ดำเนินมา โดยเฉพาะแนวทางของบรรดาเคาะลีฟะฮฺอัร-รอชิดีน ร่อฎียัลลอฮุอันฮุม
ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สั่งเสียอย่างหนักแน่นให้ปฏิบัติยึดมั่นตามแนวทางของบรรดาเคาะลีฟะฮฺอัร-รอชิดีน และแนวทางของบรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกันในยุคต่อๆมาหลังจากศตวรรษแรกผ่านไป
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"จำเป็นแก่พวกท่านทั้งหลาย คือ สุนนะฮฺของฉัน และสุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้รับทางนำอันเที่ยงธรรม พวกท่านจงยึดมั่นมันไว้ และจงกัดมันไว้(ให้แน่น) ด้วยฟันกราม และพวกท่านพึงระวังจากสิ่งต่างๆ อันเป็นเรื่องอุตริขึ้นใหม่(ในเรื่องศาสนา) เพราะทุกสิ่งที่อุตริขึ้นใหม่เป็นบิดอะฮฺ และบิดอะฮฺทุกอย่างนั้นเป็นความผิด" (เศาะเฮียะฮฺซุนันอบีดาวูด ของอัลบนีย์)
แนวทางของบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูลยังเป็นหลักฐานสำคัญที่ชาวอะลุสสุนนะฮฺ วัลญามาอะฮฺนำมาใช้ในการทำความเข้าใจอัลกุรอาน และอัสสุนนะฮฺ เพราะตามทัศนะของพวกเขาแล้ว ย่อมไม่มีการขัดแย้งใดๆ ในระหว่างอัลกุรอาน และอัสสุนนะฮฺที่ถูกต้องอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยการกิยาสเปรียบเทียบ ความนิยม การค้นพบ หรือจะด้วยคำกล่าวของผู้รู้หรืออุลามาอฺท่านใด ทั้งนี้เพราะศาสนานั้นได้สมบูรณ์แล้วนับตั้งแต่สมัยที่ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมยังมีชีวิตอยู่
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น