อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตักลีด



ตักลีด หมายถึง การยึดถือ ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดอยู่ในกฏหุก่มทางศาสนาตามแนวทางของมัซฮับใดมัซอับหนึ่ง หรือการยอมรับอย่างหลับหูหลับตาตามในคำกล่าวของบุคคลหนึ่งๆโดยมิทราบถึงหลักฐาน หรืออ้างอิงคำกล่าวของเขาโดยไม่ทราบว่าคำกล่าวของเขาโดยไม่ทราบว่าคำกล่าวนั้นมีหลักฐานที่ถูกต้องใดๆรับรองหรือไม่

อัลลอฮฺทรงกล่าวตำหนิการปฏิบัติแบบตักลีดเอาไว้หลายอายะฮฺ เช่น พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَإِذَا قِيلَ لَهُمْ تَعَالَوْا إِلَىٰ مَا أَنزَلَ اللَّهُ وَإِلَى الرَّسُولِ قَالُوا حَسْبُنَا مَا وَجَدْنَا عَلَيْهِ آبَاءَنَا أَوَلَوْ كَانَ آبَاؤُهُمْ لَا يَعْلَمُونَ شَيْئًا وَلَا يَهْتَدُونَ ( 104 ) อัล-มาอิดะฮฺ - Ayaa 104

"และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า ท่านทั้งหลายจงมาสู้สิ่งที่อัลลอฮ์ ได้ทรงประทานลงมาเถิด และมาสู่ร่อซูลด้วย พวกเขาก็กล่าวว่า เป็นการพอเพียงแก่เราแล้ว สิ่งที่เราได้พบบรรพบุรุษของเราเคยกระทำมันมา ถึงแม้ได้ปรากฏว่าบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับคำแนะนำอีกด้วยกระนั้นหรือ"
 (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ 104)

บรรดาอุละมาอฺของชาวสลัฟ รวมทั้งอุละมาอฺมุจญ์ตะฮีดดีนทั้งหลาย ต่างก็ห้ามจากการตักลีด เนื่องการตักลีดเป็นสาเหตุนำมาซึ่งความขัดแย้ง และความอ่อนแอในระหว่างพี่น้องมุสลิม และเอกภาพในการปฏิบัติและการกลับคืนสู่สิ่งที่อัลลอฮฺและท่านรสูลกล่าวในกรณีขัดแย้ง ด้วยเหตุนี้จึงไม่พบว่าบรรดาเศาะหาบะฮ์ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ ตักลีดผู้หนึ่งผู้ใดในระหว่างพวกเขาเป็นการเฉพาะในทุกๆเรื่อง เช่นเดียวกับบรรดาอิมามทั้ง 4 ก็ไม่ได้สั่งใช้ให้ยึดติด(ตะอัศศุบ) ทัศนะของพวกเขาเลย และพวกเขายังเคยละทิ้งทัศนะของตนเนื่องหะดิษหนึ่งของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกเขาเคยห้ามมิให้ผู้อื่นตักลีดพวกเขา โดยไม่ทราบหลักฐานเสียก่อน


อิมามอบูฮะนีฟะฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า :

حَرَامٌ عَلَى مَنْ لَمْ يَعْرِفْ دَلِيْلِيْ أَنْ يُفْتِيَ بِكَلاَمِيْ فَإِنَّنَا بَشَرٌ نَقُولُ اْلقَولَ اْليَومَ نَرْجِعُ عَنْهُ غَدًا

     "เป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ที่ไม่รู้ชัดในหลักฐานที่ฉันอ้างอิง แล้วมาชี้ขาดในคำพูดของฉัน เพราะเรา นั้นก็คือคนธรรมดา เราพูด วันนี้อย่างนี้ พรุ่งนี้เราอาจจะกลับคำพูดใหม่ก็ได้"

อิมามมาลิก ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า :

إِنَّما أَنا بَشَرٌ أُخْطِئُ وأُصِيْبُ فَانْظُرُوْا فِي رَأْيِي فَكُلُّ ما وَافَقَ اْلكِتَابَ وَالسُّنَّةَ فَخُذُوْهُ وَكُلُّ ما لَمْ يُوَافِقِ اْلكِتَابَ وَالسُّنَّةَ فَاتْرُكُوهُ

    "เราเป็นคนธรรมดา มีผิดมีถูก จงพิจารณาคำพูดของฉันด้วย หากถูกต้องตรงกับอัลกรุอ่านและแบบ ฉบับของท่านร่อซูล ท่านทั้ง หลายจงรับไป แต่ถ้าหากคำพูดของฉันขัดกับอัลกรุอ่านและแบบฉบับ ของท่านร่อซูล ก็จงทิ้งไปเสีย"

อิมามชาฟิอี ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าว่า :

إِذَا وَجَدْ تُمْ فِي كِتابِيْ خِلاَفَ سُنَّةِ رَسُوْلِ اللهِ صلى الله عليه وسلم فَقُولُوْا بِسُنَّةِ رَسُول اللهِ صلى الله عليه وسلم وَدَعُوْا ما قُلْتُ

     "เมื่อพวกท่านพบว่าในหนังสือของฉันขัดกับแบบฉบับของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกท่านก็จงพูดตามแบบ ฉบับของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และจงทิ้งคำพูดของฉันเสีย"

อิมามอะหมัด อิบนุฮัมบัล ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า :

لا تُقَلِّدْنِي وَلا تُقَلِّدْ مالكًا وَلا الشَّافِعِي وَلا اْلأَوْزَاعِي ولا الثَّوْرِي وَخُذْ مِنْ حَيْثُ أَخَذُوْا

    "อย่าตามฉันหรือตามอิหม่ามมาลิก ชาฟิอี เอาซาอี และเซารี แต่จงเอาจากสิ่งที่พวกเขาเอามา"


พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า


اتَّبِعُوا مَا أُنزِلَ إِلَيْكُم مِّن رَّبِّكُمْ وَلَا تَتَّبِعُوا مِن دُونِهِ أَوْلِيَاءَ قَلِيلًا مَّا تَذَكَّرُونَ ( 3 ) อัล-อะอฺรอฟ - Ayaa 3


"พวกเจ้าจงปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกเจ้าจากพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด และอย่าปฏิบัติตามบรรดาผู้คุ้มครองใดๆ อื่นจากพระองค์ ส่วนน้อยจากพวกเจ้าเท่านั้นแหละที่จะรำลึก"
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 3)

والله أعلم بالصواب




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น