อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชายฆ่าร้อยศพผู้เตาบัตกลับใจ



มีฮะดีษของท่านนบี  เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่ง ซึ่งฆ่าคนถึง 100 คน และต้องการเตาบัต หรือกลับตัวว่า

“ครั้งหนึ่งก่อนหน้ายุคสมัยของพวกท่าน มีชายผู้หนึ่งได้ฆ่าคนถึง ๙๙ คน และเขาต้องการกลับตัว จึงได้ถามถึงผู้ที่มีความรู้ที่สุดในแผ่นดิน เพื่อที่จะได้ไปขอคำแนะนำจากเขาผู้นั้น มีคนแนะนำให้เขาไป ถามนักบวชผู้หนึ่ง เขาได้ไปหา และถามนักบวชผู้นั้นว่า เขาได้ฆ่าคนไปแล้วถึง 99 คน มีทางที่เขาจะเตาบัต กลับตัวเป็นคนดีได้ไหม ?  นักบวชตอบเขาว่า ไม่มี เมื่อฟังเช่นนั้น เขาจึงฆ่านักบวชคนนั้น เป็นศพที่หนึ่งร้อย จากนั้นก็มีคนแนะนำ ให้เขาไปหานักปราชญ์ผู้หนึ่ง เขาจึงได้ไปหา และถามนักปราชญ์ผู้นั้นว่า เขาได้ฆ่าคนไปแล้วหนึ่งร้อยศพ มีทางที่เขาจะเตาบัตได้ไหม ? นักปราชญ์ตอบเขาว่า ย่อมมีทางสำหรับเขาแน่นอน เพราะไม่มีสิ่งใดเลย ที่จะขัดขวางเขา จากการเตาบัต นักปราชญ์แนะนำให้เขาอพยพ เพราะเป็นเมืองที่มีแต่คนชั่ว  เขาจึงออกเดินทางไปยังเมือง ที่นักปราชญ์ผู้นั้นแนะนำ แต่เขาได้เสียชีวิตลงกลางทาง ก่อนที่จะไปถึงเมืองนั้น ได้มีมลาอิกะห์สองท่านมา คือมลาอิกะห์ที่จะนำไปสู่ความเมตตา และมลาอิกะห์ที่จะนำไปสู่การลงโทษ เพื่อรับวิญญาณเขา  มลาอิกะห์แห่งความเมตตา ต้องการนำวิญญาณเขาไป โดยกล่าวว่า เขาผู้นี้ได้เตาบัตแล้ว และมุ่งมั่นไปหาอัลเลาะห์ ด้วยใจจริง  ขณะที่มลาอิกะห์แห่งการลงโทษ ต้องการนำตัวเขาไป และกล่าวว่า เขาผู้นี้ยังไม่เคยทำดีเลยแม้แต่น้อย  อัลเลาะห์ จึงส่งมลาอิกะห์อีกท่านหนึ่ง เพื่อเป็นผู้ตัดสิน โดยบอกให้มลาอิกะห์ทั้งสอง วัดระยะทางจากจุดที่เขาเสียชีวิต ไปยังทั้งสองเมือง เพื่อพิสูจน์ว่า เมืองไหนมีระยะทางใกล้กว่า ก็ให้ถือว่า เขาเป็นชาวเมืองนั้น  มลาอิกะห์ทั้งสอง จึงทำการวัดระยะทาง และพบว่าเมืองที่เขาจะอพยพไป มีระยะทางใกล้กว่า เมื่อเป็นดังนั้น มลาอิกะห์แห่งความเมตตา จึงได้รับวิญญาณของชายผู้นั้นไป  (บันทึกโดยมุสลิม)



จากคำสอนจากฮะดีษนี้ ก็คือ อัลลอฮฺมีความเมตตาสงสารบ่าว ของพระองค์เสมอ แม้แต่บ่าวที่ทำความผิดร้ายแรง ฆ่าคนตายถึงหนึ่งร้อยศพ อัลลอฮฺก็พร้อมที่จะรับการกลับตัว เป็นคนดีของเขา ด้วยการเตาบัต ดังนั้น ผู้ที่กระทำความผิด จะต้องไม่ปล่อยตัว ให้จมปลักอยู่ในความผิดนั้น ต่อไป เขาจะต้องรีบกลับตัว เป็นคนดี ด้วยการเตาบัตอย่างแท้จริง และด้วยความจริงใจ อย่างที่เรียกว่า “เตาบะห์นะซูฮา”
ดังพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา  ได้ตรัสไว้ว่า

                                     يَأَيُّهَا الَّذِيْنَ آمَنُوْا تُوْبُوْا إِلَى اللهِ تَوْبَةً نَصُوْحًا عَسَى رَبُّكُمْ أَنْ يُكَفِّرَ عَنْكُمْ سَيِّئَاتِكُمْ وَيُدْخِلَكُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِيْ مِنْ تَحْتِهَا اْلأَنْهَارُ

มีความหมายว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเตาบัต คือการกลับตัว เข้าหาอัลลอฮฺ เป็นการเตาบัต อย่างแท้จริงเถิด แน่นอนว่าอัลเลาะห์ จะทรงลบล้างความผิดของพวกเจ้า และนำพวกเจ้า เข้าสู่สวรรค์ ซึ่งมีสายน้ำไหลอยู่เบื้องล่าง”  (ในซูเราะห์ อัตตะห์รีม โองการที่ 8 ว่า  )

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น