อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระองค์อัลลอฮฺทรงทดสอบ

 


พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَلَوْ شَاءَ اللهُ لَجَعَلَكُمْ أُمَّةً وَاحِدَةً 

“และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ พระองค์ก็ทรงทำให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกัน”


อิบนุกะษีร ได้อธิบายข้อความอายะห์นี้ว่า

هذا خطاب لجميع الأمم وإخبارعن قدرته تعالى العظيمة التى لوشاء لجمع الناس كلهم على دين واحد وشريعة واحدة لا ينسخ شيء منها ولكنه تعالى شرع لكل رسول شريعة على حدة ثم نسخها أو بعضها برسالة الآخر الذي بعده حتى نسخ الجميع بما بعث يه عبده ورسوله محمدا صلى الله عليه وسلم الذي ابتعثه إلى أهل الأرض قاطبة وجعله خاتم الأنبياء كلهم ولهذا قال تعالى 

“ข้อความนี้บ่งถึงประชาชาติทั้งหมด และเป็นการแจ้งให้ทราบถึงเดชานุภาพของอัลลอฮ์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งหากพระองค์ประสงค์ พระองค์ก็จะทรงรวมมนุษย์ทั้งหมดไว้บนศาสนาเดียวกันและบทบัญญัติเดียวกันโดยที่ไม่ต้องยกเลิกข้อบัญญัติใดๆ แต่ทว่าพระองค์ทรงวางบัญญัติให้แต่ละรอซูลที่แตกต่างกันไป แล้วพระองค์ก็ทรงยกเลิกข้อบัญญัตินั้นหรือยกเลิกบางส่วนด้วยสาสน์ของพระองค์ที่ประทานลงมาหลังจากนั้น จนกระทั่งได้ยกเลิกข้อบัญญัติทั้งหมดด้วยสิ่งที่ได้ส่งมากับบ่าวและศาสนทูตของพระองค์คือมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งเขาสู่ชาวโลกทั้งมวล และทรงทำให้เขาเป็นนบีท่านสุดท้าย นี่แหละที่พระองค์ได้ทรงกล่าวว่า”

وَلَوْ شَاءَ اللهُ لَجَعَلَكُمْ أُمَّةً وَاحِدَةً وَلَكِن لِيَبْلُوَكُمْ فِيْمَا آتَاكُمْ 

“และหากอัลลอฮ์ประสงค์ พระองค์ก็จะทรงทำให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกัน แต่ทว่าเพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่ทรงประทานมาให้แก่พวกเจ้า”

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَمَا كَانَ النَّاسُ إلاَّ أُمَّةً وَاحِدَة فَاخْتَلَفُوا 

“และมนุษย์หาใช่อื่นใด นอกจากพวกเขาเป็นประชาชาติเดียวกัน แล้วพวกเขาก็ขัดแย้งกัน”


อิบนุกะษีร ได้อธิบายอายะห์นี้สืบเนื่องจากข้อความท้ายอายะห์ก่อนนี้ที่ว่า (มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งในสิ่งที่พวกเขาได้เอามาเป็นภาคี) ดังนี้

ثم أخبر تعالى أن هذا الشرك حادث في الناس كائن بعد أن لم يكن وأن الناس كلهم كانوا على دين واحد وهو الإسلام قال ابن عباس : كان بين آدم ونوح عشرة قرون كلهم على اللإسلام ثم وقع الاختلاف بين الناس وعبدت الأصنام والأنداد والأوثان فبعث الله الرسل بآياته وبيناته وحججه البالغة وبراهينه الدامغة 

“หลังจากนั้นพระองค์อัลลอฮ์ทรงบอกให้ทราบว่า การตั้งภาคีเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์ทั้งๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมนุษย์ทั้งหมดทุกคนต่างก็อยู่บนศาสนาเดียวกันก็คือ อิสลาม อิบนุอับบาส ได้กล่าวว่า : ช่วงระหว่างนบีอาดัมถึงนบีนัวฮ์นั้นสิบศตวรรษ มนุษย์ทุกคนอยู่บนอิสลาม หลังจากนั้นก็เกิดการขัดแย้งระหว่างผู้คน เกิดการสักการะรูปปั้น, สิ่งเทียบเคียงพระเจ้า และเจว็ดต่างๆ ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์จึงได้ส่งบรรดารอซูลมาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของพระองค์, ข้ออ้างอิงที่ชัดเจน และหลักฐานที่มิอาจปฏิเสธได้” ตัฟซีร อิบนิกะษีร เล่มที่ 2 หน้าที่ 541

อิบนุกะษีร ได้ถ่ายทอดข้อความนี้จากตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ ของ อิบนุญะรีร ซึ่งมีข้อความใกล้เคียงกัน เมื่อเราได้อ่านและทำความเข้าใจแล้วกลับพบว่า คำว่า “อุมมะตันวาฮิดะห์” คือประชาชาติยุคต้น ตั้งแต่นบีอาดัมจนมาชนยุคของนบีนัวฮ์ ซึ่งพวกเขามั่นคงอยู่บนศาสนาเดียวกันคืออัลอิสลาม และนี่คือจุดเริ่มต้นของการจำแนกระหว่างศาสนาอิสลามกับศาสนอื่นๆ หรือว่าวันนี้เราจะเอาศาสนาอิสลามไปรวมกับศาสนาอื่นๆ เพื่อให้เป็นอุมมะตันวาฮิดะห์ หรือว่าจะเอาศาสนาอื่นมารวมกับศาสนาอิสลาม คงไม่ใช่เช่นนั้นเป็นแน่แท้


ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

وإنَّ هَذِهِ الأُمَّةَ سَتَفْتَرِقُ عَلَى ثَلاَثٍ وَسَبْعِيْنَ مِلَّةً 

“แท้จริงประชาชาตินี้จะแตกออกเป็นเจ็ดสิบสามกลุ่ม (ที่มีความเชื่อต่างกัน)” มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 16329


การบริหารความขัดแย้งตามวิถีทางของอิสลามคือการเรียกร้องมวลชนสู่การยึดซุนนะห์ของท่านนบีและซุนนะห์ของบรรดาคอลีฟะห์อย่างจริงจัง ดังคำรายงานต่อไปนี้

عَن العِرْبَاضِ بْنِ سَارِيَةَ قَالَ : وَعَظَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَوْماً بَعْدَ صَلاةِ الغَدَاةِ مَوْعِظَةً بَلِيْغَةً ذَرَفَتْ مِنْهَا العُيُوْنُ وَوَجِلَتْ مِنْهَا القُلُوْبُ فَقَالَ رَجُلٌ إنَّ هذِهِ مَوْعِظَةُ مُوَدِّعٍ فَمَاذاَ تَعْهَدُ إلَيْنَا يَا رَسُوْلَ اللهِ قَالَ : أُوْصِيْكُمْ بِتَقْوَى اللهِ وَالسَمْعِ وَالطَاعَةِ وإنْ عَبْدٌ حَبَشِيٌّ فَإنَّهُ مَنْ يَعِشْ مِنْكُمْ يَرَى اخْتِلاَفاً كَثِيْراَ وَإيَّاكُمْ وَمُحْدَثاَتِ الأُمُوْرِ فَإنَّهَا ضَلاَلَةٌ فَمَنْ أدْرَكَ ذَلِكَ مِنْكُمْ فَعَلَيْهِ بِسُنَّتِي وَسُنَّةِ الخُلَفَاءِ الرَاشِدِيْنَ المَهْدِيِيْنَ عَضُّوا عَلَيْهَا بِالنَوَاجِذِ 

“อิรบาฏ บิน ซารียะห์ รายงานว่า : ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ตักเตือนพวกเราในวันหนึ่งหลังจากละหมาดดุฮา ซึ่งเป็นข้อเตือนที่จับใจ ทำให้ดวงตาต้องเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และทำให้หัวใจหวั่นไหว มีชายผู้หนึ่งกล่าวขึ้นว่า นี่คือคำเตือนแห่งการลาจาก โอ้ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ได้โปรดสั่งเสียแก่พวกเราเถิด ท่านกล่าวว่า ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ และเชื่อฟัง ภักดี ต่อผู้นำ แม้ว่าเขาจะเคยเป็นบ่าวจากฮะบะชะห์ก็ตาม เพราะแท้จริงแล้ว ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่มีชีวิตต่อจากนี้ จะได้เห็นการขัดแย้งอย่างมากมาย และพวกท่านพึงระวังสิ่งที่อุตริขึ้นใหม่ในศาสนา เพราะมันคือความหลงผิด ฉะนั้นผู้ใดในหมู่พวกท่านที่ตระหนักในเรื่องดังกล่าว ก็จะเป็นแก่เขาจะต้องยึดซุนนะห์ของฉัน และซุนนะห์ของบรรดาค่อลีฟะห์ที่ปราชเปรื่องผู้ที่ได้รับทางนำ พวกท่านจงยึดให้มั่นประหนึ่งว่ากัดด้วยฟันกราม”สุนันอัตติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 2600

ท่านนบีมิได้ปล่อยให้อุมมะห์ของท่านเคว้งคว้าง ท่ามกลางความขัดแย้งนั้นบรรดาผู้ศรัทธามีทางออกเสมอ

พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า

كُنْتُمْ خَيْرَ أُمَّةٍ أُخْرِجَتْ للنَّاسِ تَأْمُرُوْنَ بِالْمَعْرُوْفِ وَتَنْهَوْنَ عَنِ المُنْكَرِ وَتُؤْمِنُوْنَ بِاللهِ


พวกเจ้า (เหล่าศอฮาบะห์) เป็นประชาชาติที่ดีเลิศ ซึ่งถูกให้อุบัติขึ้นแก่มนุษยชาติ โดยพวกเจ้ากำชับใช้กันในเรื่องความดีงาม และห้ามปรามกันในสิ่งที่เป็นความผิด และพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์” ซูเราะห์อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 110


والله أعلم بالصواب


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น