มุฮัมมัดศิดดีก อัลมินซาวีย์ : เขียน
นาอีม วงศ์เสงี่ยม : แปล
(จากหนังสือ : 101 เรื่องเล่าจากชีวิต “อบูบักร อัศศิดดีก”)
………………………………………..
บ้านที่เหล่าผู้ศรัทธากลุ่มแรกใช้ศึกษาอิสลามอย่างลับ ๆ นั้นคับแคบไปถนัดตา เมื่อเหล่าเศาะฮาบะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม รวมตัวกัน พวกเขามีจำนวนถึง 38 คน มีความคิดผุดขึ้นในสมองของอบูบักรเกี่ยวกับการประกาศสัจธรรมและการนำเสนอศาสนาอิสลามแก่ผู้คน ท่านจึงเข้าไปใกล้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คะยั้นคะยอให้ท่านเปิดเผยตัวและออกไปที่มัสญิดหะรอม
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
: อบูบักร พวกเรายังมีจำนวนน้อยอยู่
แต่อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ก็ยังคงคะยั้นคะยอท่านนบีจนกระทั่งท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยอมที่จะเปิดเผยอิสลามแก่สาธารณชน เมื่อถึงเวลาที่นัดหมาย บรรดามุสลิมจึงออกไปอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของมัสญิดโดยแต่ละคนได้เข้าไปรวมอยู่กับครอบครัวของตนเอง
แล้วอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ได้ยืนขึ้นปราศรัยประกาศเชิญชวนสู่อิสลามท่ามกลางผู้คนขณะที่เราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็นั่งอยู่ด้วย เมื่อเห็นดังนี้ เพลิงไฟแห่งความโกรธแค้นก็ได้ประทุขึ้นในสายเลือดของพวกมุชริกีน (ผู้ตั้งภาคี) พวกเขาจึงเข้ารุมทำร้ายร่างกายท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อบูบักรและบรรดามุสลิม โดยพวกมุชริกีนได้ทำร้ายผู้ศรัทธาอย่างทารุณ พวกเขาเข้ารุมใช้กำลังจัดการบรรดามุสลิมทั้งเตะ ต่อยและตบจนกระทั่งเกือบจะเสียชีวิตกัน
บนูตัยม์ ได้แบกร่างอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ที่มีสภาพเหมือนศพแน่นิ่งอยู่บนผ่าเข้าไปในบ้านโดยไม่คิดว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่อีก
หลังจากนั้นบนูตัยม์จึงกลับเข้าไปยังมัสญิดหะรอมอย่างโกรธแค้นแล้วกล่าวว่า
: ขอสาบานต่ออัลลอฮ์หากอบูบักรตายไปพวกเราต้องฆ่าเจ้าอุตบะฮ์ อิบนุเราะบีอะฮ์ อย่างแน่นอน
แล้วพวกเขาก็กลับไปหาอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ทั้งอบูกุฮาฟะฮ์ (พ่อของอบูบักร) และผู้คนในบนูตัยม์ต่างพยายามพูดกับอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ แต่ท่านไม่สามารถพูดโต้ได้เนื่องจากยังคงหมดสติอยู่ อบูบักรอยู่ในสภาพเช่นนั้นจนกระทั่งถึงตอนเย็น โดยคำพูดแรกที่ออกมาจากริมฝีปากของท่านคือ
: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นอย่างไรบ้าง ?
ได้ยินดังนั้น บนูตัยฒืก็โกรธอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ มากที่ยังมีใจเป็นห่วงท่านนบี จึงกล่าวกับมารดาของท่านว่า
: ดูเขาให้ดี เอาอะไรให้เขากินหรือดื่มหน่อย
หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายจากไปอย่างผิดหวังและต่างแปลกใจกับพฤติกรรมของอบูบักรอย่างมาก
แต่อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุฮันฮ์ ก็ยังไม่หยุดถาม
: ท่านเราะซูลเป็นอย่างไรบ้าง ?
อุมมุลญะมิล อิบนุลค็อฏฏอบ จึงกล่าวแก่ท่านว่า
: ท่านเราะซูลสบายดี และปลอดภัยแล้ว
อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงยิ้มออกที่มุมปาก ใบหน้าของท่านฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แล้วท่านก็ลุกขึ้นจากที่นอนโดยพูดออกมาว่า : ท่านเราะซูลอยู่ที่ไหน ?
อุมมุลญะมีล กล่าวว่า
: อยู่ที่บ้านของอัลอัรกอม อิบนุอบิลอัรกอม
ท่านจึงกล่าวขณะที่ดวงตาแห่งความดีใจประกายออกมาว่า
: ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันจะไม่กิน ไม่ดื่มอะไรทั้งสิ้นจนกว่าฉันจะไปหาท่าท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เสียก่อน
อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงรีบลุกขึ้นออกไปหาท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่ท่านกลับไม่สามารถเดินไปได้เนื่องจากความเจ็บปวดจากบาดแผล ท่านจึงให้มารดาของท่านและอุมมุญะมีลพยุงท่านไปจนกระทั่งถึงบ้านอัลอัรกอม อิบนุอบิลอัรกอม
เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นอบูบักร จึงโน้มตัวเข้าไปจูบท่าน บรรดามุสลิมก็ได้โน้มตัวไปจูบอบูบักรโดยท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม รู้สึกสงสารท่านเป็นอย่างมาก
อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า
: เอาพ่อแม่ฉันเป็นประกันเถิด โอ้ท่านเราะซูล ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากการที่คนชั่วได้มาสัมผัสใบหน้าของฉันก็เท่านั้น และนี่คือมารดาของฉันผู้ปฏิบัติดีกับลูกของเธอเสมอมา แล้วท่านเองโอ้เราะซูลก็เป็นผู้ที่มีความจำเริญ ได้โปรดเชิญชวนเธอไปสู่อัลลอฮ์ด้วย และโปรดขอดุอาอ์ให้แก่เธอ หวังว่าอัลลอฮ์จะนำเธอใหพ้นจากนรกด้วยกับท่าน
แล้วท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้ดะอ์วะฮ์เธอ แล้วเธอก็เข้ารับอิสลาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น