อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

อบูบักรปฏิเสธที่จะรับความคุ้มครอง


มุฮัมมัดศิดดีก อัลมินซาวีย์ : เขียน
นาอีม วงศ์เสงี่ยม : แปล
(จากหนังสือ : 101 เรื่องเล่าจากชีวิต “อบูบักร อัศศิดดีก”)
………………………………………..


เช้าวันหนึ่ง ขณะที่รุ่งอรุณเริ่มปรากฏและความมืดมิดค่อยคลี่คลาย อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ได้จัดแจงสัมภาระและตระเตรียมเสบียงของตนเอง จากนั้นจึงนำไม้เท้าขึ้นบ่าแล้วออกเดินทาง
อบูบักรแบกศรัทธาที่แรงกล้าแล้วออกเดินทางอย่างเงียบ ๆ จากมักกะฮ์ ใบหน้าและจิตใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธามุ่งหน้าสู่แผ่นดินเอธิโอเปีย จนกระทั่งไปถึงบัรกุลเฆาะมาด (สถานที่หนึ่งในเมืองเยเมน) อิบนุดดุฆุนนะฮ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าอัลกอรเราะฮ์ (เผ่าหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านการแม่นธนู) ได้พบท่านเขาจึงกล่าวทักด้วยเสียงดังว่า
: ท่านจะไปไหนหรืออบูบักร ?
อบูบักรตอบกลับด้วยความนุ่มนวลว่า
: กลุ่มชนฉันได้ขับไล่ฉัน ฉันจึงต้องการเดินทางไปยังแผ่นดินแห่งอื่นเพื่อสักการะต่อพระเจ้าของฉัน
อิบนุดดุฆุนนะฮ์ ส่ายหัวด้วยความเสียใจแล้วกล่าวว่า
: อบูบักร คนอย่างท่านไม่ควรออกและไม่ควรถูกขับไล่ออก !!! เพราะท่านเป็นผู้ช่วยเหลือคนยากจน ติดต่อสัมพันธ์เครือญาติ ดูแลเด็กกำพร้า และคนชรา ให้เกียรติแขกเหรื่อ ช่วยเหลือผู้อยู่กับสัจธรรม ฉันขอเป็นผู้คุ้มครองท่านเองโปรดกลับไป (มักกะฮ์) เถิด ไปสักการะพระเจ้าของท่านที่บ้านเกิดของท่าน
อบูบักรจึงมุ่งหน้ากลับโดยอิบนุดดุฆุนนะฮ์ ได้เดินทางไปด้วย แล้วอิบบุดดุฆุนนะฮ์ก็ตระเวนไปยังแกนนำของพวกกุเรชเพื่อกล่าวกับพวกเขาว่า
: คนอย่างอบูบักรต้องไม่ออกและไม่ถูกขับไล่ออก พวกท่านจะขับไล่คนที่ช่วยเหลือคนยากจน ติดต่อสัมพันธ์เครือญาติ ดูแลเด็กกำพร้าและคนชรา ให้เกียรติแขกเหรื่อ และช่วยเหลือผู้อยู่กับสัจธรรมอย่างนั้นหรือ ?
ชาวกุเรชจึงยอมรับการคุ้มครองของอิบนุดดุฆุนนะฮ์ที่มีต่ออบูบักร จากนั้นจึงกล่าวแก่เขาว่า
: บอกอบูบักรให้สัการะต่อพระเจ้าของเขาในบ้าน ให้ละหมาดในบ้าน อ่านอะไรก็เชิญตามต้องการ อย่ามารบกวนพวกเรา อย่างประกาศตัวอย่างเปิดเผย เพราะพวกเราเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่สตรีและลูก ๆ ของพวกเรา
อบูบักรจึงอาศัยอยู่เช่นนั้นสักการะต่ออัลลอฮ์ในบ้านของท่าน ไม่เปิดเผยการละหมาด ไม่อ่านอัลกุรอานนอกจากในบ้าน จากนั้นอบูบักรก็มีความคิดที่จะสร้างสถานที่ละหมาดขึ้นในบริเวณบ้านของท่านโดยท่านจะละหมาดและอ่านอัลกุรอานที่นั่น ปรากฏว่าเหล่าสตรีและลูกหลานของพวกมุชริกีนได้รวมตัวกันอย่างคับครั่งเพื่อมองดูอบูบักรปฎิบัติศาสนกิจ เนื่องจากอบูบักรเป็ฯคนที่ชอบร้องไห้ไม่สามารถควบคุมตัวเองขณะอ่านอัลกุรอานได้ สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความหวาดวิตกแก่แกนนำชาวกุเรชที่เป็นพวกมุชรีกีน พวกเขาจึงส่งจดหม่ายไปยังอิบนุดดุฆุนนะฮ์เขาจึงเดินทางมาหาพวกกุเรช
พวกเขากล่าวว่า
: แท้จริงพวกเราได้ให้ความคุ้มครองอบูบักรเนื่องจากที่ท่านมอบความคุ้มครองให้เขาโดยให้เขาสักการะพระเจ้าของเขาอยู่แต่ในบ้าน แต่เขากลับทำเกินเลยด้วยการสร้างมัสญิดบริเวณที่โลกว่างหน้าบ้านและยังละหมาดและอ่านอัลกุรอานอย่างเปิดเผย พวกเราเกรงว่ามันจะเกิดความวุ่นวายแก่เหล่าสตรีและลูก ๆ ของพวกเราดังนั้นท่านโปรดห้ามเขาเถิด หากเขาต้องการก็ให้จำกัดตัวเองอย่างที่นำเสนอไปมิเช่นนั้นก็โปรดเอาความคุ้มครองของท่านคืนมาจากเขาเถิด
อิบนุดดุฆุนนะฮ์จึงไปหาอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ นั่งลงต่อหน้าท่านอย่างสงบแล้วกล่าวว่า
: ท่านทราบดีถึงสิ่งที่เราตกลงกันไว้ ให้ท่านเลือกระหว่างการที่จะจำกัดตัวเองอย่างที่นำเสนอไปหรือไม่ก็คืนความคุ้มครองแก่ฉันเถิดเพราะฉันไม่ต้องการให้อาหรับกล่าวกันว่าฉันคือผู้ฉีกสัญญาที่ให้ไว้แก่บุคคลหนึ่งว่าจะคุ้มครองเขา
อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวด้วยจิตใจที่หนักแน่นว่า
: ฉันขอมอบคืนการที่ท่านจะต้องคุ้มครองฉัน ฉันพอใจแล้วที่จะให้อัลลอฮ์ ตะอาลา เป็นผู้คุ้มครอง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น