อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

เมื่อผู้หญิงกำเนิดมา


ชัยคฺ มุหัมมัด ศอลิหฺ อัล-มุนัจญิด : เขียน
กฤติยา เพศยนาวิน : แปลและเรียบเรียง
.....................................................

คำถาม : มุสลิมบางคน - ขออัลลอฮฺประทานทางนำแก่พวกเขาด้วย - โกรธเมื่ออัลลอฮฺประทานลูกสาวให้แก่เขา และพวกเขาอารมณ์เสียอย่างมากเมื่อลูกสาวกำเนิดมา ฉันยังรู้มาอีกว่า บางคนขู่จะหย่ากับภรรยาของเขาหากเธอได้ลูกสาว ฉันหวังว่าท่านจะสามารถให้ความกระจ่างในหัวข้อนี้จากมุมมองของชะรีอะฮฺอิสลามได้

คำตอบ : การสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ

ไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่า การกระทำเช่นนี้เป็นหนึ่งจากการกระทำในสมัยแรกของญาฮิลียะฮฺ (ความอวิชชา) จากการปฏิบัติของคนป่าเถื่อนผู้ซึ่งถูกตำหนิและถูกประณามในอัลกุรอานและสุนนะฮฺ

แม้แต่ในปัจจุบันก็ไม่ได้แตกต่างกับในอดีตมากนัก ถ้าท่านได้ไปเยี่ยมเยี่ยมตามโรงพยาบาลที่ทำคลอดต่าง ๆ ในประเทศมุสลิม และมองไปรอบ ๆ สังเกตใบหน้าของผู้ที่ลูกสาวของเขาได้กำเนิดมา ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดและสังเกตดูว่าเขาเป็นอย่างไร ท่านจะเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างผู้คนเหล่านี้กับผู้คนในยุคญาฮิลียะฮฺ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ตรัสว่า

“และเมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวว่าได้ลูกหญิง ใบหน้าของเขากลายเป็นหมองคล้ำและเศร้าสลด เขาจะซ่อนตัวเองจากกลุ่มชน เนืองจากความอับอายที่ได้ถูกแจ้งแก่เขา เขาจะเก็บเอาไว้ด้วยความอัปยศหรือฝังมันในดิน พึงรู้เถิด ! สิ่งที่พวเขาตัดสินใจนั้นมันชั่วแท้ ๆ” (อันนะหุลฺ : 58-59)

หนึ่งในอาการของการไม่ชอบลูกสาว คือ ในโรงพยาบาล เมื่อพวกเขาพบว่าทารกในครรภ์เป็นเพศชายหรือเพศหญิงโดยการอัลตราซาวด์ ถ้าเป็นเพศชาย พวกเขาจะบอกกล่าวกับครอบครัว แต่ถ้าเป็นเพศหญิง พวกเขาก็จะไม่พูดอะไรเลย นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก อันจะนำมาซึ่งสิ่งต้องห้ามอีกจำนวนมาก อาทิ :

- มันหมายถึงการไม่ยอมรับในเกาะฎออ์ เกาะดัร ของอัลลอฮฺ
- มันเป็นการปฏิเสธของขวัญที่อัลลอฮฺประทานให้ แทนที่จะขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งนั้น นี่เป็นการเพียงพอแล้วที่จะได้รับความกริ้วจากอัลลออฺและการลงโทษ
- มันเป็นการดูถูกผู้หญิง ทอดทิ้งเธอ และสร้างความกดดันให้กับเธอ
- มันแสดงถึงความคล้ายคลึงกับผู้คนในยุคญาฮิลียะฮฺ

มุสลิมต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว และป้องตันตนเองให้รอดพ้นจากการคิดที่บ่อนทำลายเช่นนี้ การยอมจำนนต่อเกาะดัร (การกำหนด) ของอัลลอฮฺเป็นข้อกำหนดที่จำเป็น และยอมรับในเรื่องดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในคุณลักษณะของผู้ศรัทธา

นอกจากนี้ คุณงามความดีของเด็กผู้หญิงก็ไม่ได้เป็นประเด็นที่ไม่มีใครรู้ ตรงข้ามสำหรับพวกเธอ คือ แม่ พี่สาวน้องสาว และภรรยา พวกเธอเป็นครึ่งหนึ่งของสังคมที่ให้กำเนิดอีกครึ่งหนึ่ง ดังนั้นสิ่งนี้ราวกับว่าพวกเธอคือสังคมทั้งหมด (ดู ตุหฺฟะฮฺ อัล-เมาลูด ฟีย์ อะหฺกาม อัล-เมาลูด โดย อิบนุก็อยยิม หน้า 16)

ข้อบ่งชี้อื่น ๆ ในคุณงามความดีของพวกเธอคือ ความจริงที่อัลลอฮฺทรงแจ้งแก่พวกเขาถึงการกำเนิดมาของพวกเธอ คือ “ของขวัญ” (ที่อัลลอฮฺประทานให้) และกล่าวถึงพวกเธอก่อนบุรุษ ในอายะฮฺที่ว่า

“อำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ประทานลูกหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และประทานลูกชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์” (อัซซูรอ : 49)

ท่านนบี (ซ.ล.) ยังได้อธิบายถึงคุณงามความดีของพวกเธอ และกำชับให้ดูแลพวกเธออย่างดี ท่านกล่าวว่า

“ผู้ใดถูกทดสอบโดยการมีบุตรสาวด้วยบางสิ่งบางอย่าง แล้วเขาปฏิบัติต่อพวกเธออย่างดียิ่ง พวกเขาก็จะถูกปกป้องให้พ้นจากไฟนรก” (บันทึกโดยบุคอรีย์ เลขที่ 1418 และมุสลิม เลขที่ 2729)

อัล-อีมาน บิล เกาะฎออ์ วัล เกาะดัร โดย มุหัมมัด อิบนุ อิบรอฮีม อัล-หะมัด หน้า 160)


..............................................
(จากหนังสือ : โลกของผู้หญิง)
อดทน  เพื่อชัยชนะ  โพสต์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น