มีบางคนอ้างแนวคิด ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอะฮลุลกาลามว่า ความเหมายของคำพูด ที่ปรากฏตามตัวบทในอัลกุรอ่านและหะดิษ ไม่ใช่ความหมายที่ต้องการ ต้องตีความ หรือมอบหมายความหมายแก่อัลลอฮ ข้ออ้างนี้ ถูกต้องหรือไม่ มาดูคำตอบจากคำพูดท่านอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ)
فَقُلْت الْقُرْآنُ عَرَبِيٌّ كَمَا وَصَفْت وَالْأَحْكَامُ فِيهِ عَلَى ظَاهِرِهَا وَعُمُومِهَا وَلَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُحِيلَ مِنْهَا ظَاهِرًا إلَى بَاطِنٍ وَلَا عَامًّا إلَى خَاصٍّ إلَّا بِدَلَالَةٍ مِنْ كِتَابِ اللَّهِ فَإِنْ لَمْ تَكُنْ فَسُنَّةُ رَسُولِ اللَّهِ تَدُلُّ عَلَى أَنَّهُ خَاصٌّ دُونَ عَامٍّ أَوْ بَاطِنٌ دُونَ ظَاهِرٍ أَوْ إجْمَاعٌ مِنْ عَامَّةِ الْعُلَمَاءِ الَّذِينَ لَا يَجْهَلُونَ كُلُّهُمْ كِتَابًا وَلَا سُنَّةً وَهَكَذَا السُّنَّةُ ُ .
ข้าพเจ้า กล่าวว่า “อัลกุรอ่านนั้น เป็นภาษาอาหรับ เช่น สิ่งที่มันได้ถูกพรรณนาคุณลักษณะไว้ และบรรดาหุกุม (กฎข้อบังคับต่างๆ)ที่อยู่ใน อัลกุรอ่าน นั้น อยู่บนความหมายที่ปรากฏตามตัวบทของมัน และบนความหมายกว้างๆของมัน ไม่อนุญาตให้คนหนึ่งคนใด เปลี่ยนความหมายที่ปรากฏตามตัวบท(ซอฮีร)จากมัน ไปสู่ความหมายที่แขวงเร้น/มีนัยยะ(บาฏิน) และไม่ให้เปลี่ยน ความหมายกว้างๆ (อาม) ไปเป็นความหมายเจาะจง นอกจาก ด้วยหลักฐานจาก คัมภีร์ของอัลลอฮเท่านั้น แล้วหากไม่ปรากฏ(ในคัมภีร์อัลลอฮ) สุนนะฮเราะซูลุลลอฮ ก็จะแสดงบอกว่า มันคือ ความหมายเจาะจง ไม่ใช่ ความหมายกว้างๆ หรือความหมายที่แขวงเร้น(ความหมายที่มีนัยะ) ไม่ใช่ความหมายตามที่ปรากฏ (ของคำในตัวบท) หรือ เป็นมติ(อิจญมาอฺ)ของบรรดานักวิชาการโดยรวม ที่พวกเขาทั้งหมด เข้าใจ คัมภีร และสุนนะฮ และในทำนองเดียวกันนี้(ทำนองเดียวกับอัลกุรอ่าน) คือ อัสสุนนะฮ ..... ดู อัลอุม 8/592 เรื่อง كتاب اختلاف الحديث
>>>>>>>>
สรุปจาก คำพูดอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ)คือ
1. อัลกุรอ่านเป็นภาษาอาหรับ ให้ถือถือตามลักษณะที่มันได้ถูกถ่ายทอดไว้ บนความหมายของคำพูดที่ปรากฏ(ซอฮิร) และความหมายที่กล่าวเอาไว้กว้างๆ(อาม)
2. ไม่อนุญาตให้คนหนึ่งคนใด เปลี่ยนความหมายที่ปรากฏตามตัวบท(ซอฮีร)จากมัน ไปสู่ความหมายที่แขวงเร้น/มีนัยยะ(บาฏิน) และไม่อนุญาตให้เปลี่ยน ความหมายกว้างๆ (อาม) ไปเป็นความหมายเจาะจง นอกจาก ด้วยหลักฐานจากอัลกุรอ่าน
3. ในทำนองเดียวกันอัสสุนนะฮ ให้ถือตามความหมายของคำพูดที่ปรากฏตามตัวบท และการกล่าวเอาไว้กว้างๆของมัน จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้นอกจากต้องมีหลักฐานจากอัสสุนนะฮ
อิหม่ามอัซซัรกะชีย์(ร.ฮ) ได้ถ่ายทอด คำพูดของอิหม่ามอัสสะฟารีนีย์(ร.ฮ) ที่กล่าวถึงคำพูดอิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ) ดังนี้
وَقَالَ فِي كِتَابِ " اخْتِلَافِ الْحَدِيثِ " : الْقُرْآنُ عَرَبِيٌّ كَمَا وَصَفْت ، وَالْأَحْكَامُ فِيهِ عَلَى ظَاهِرِهَا وَعُمُومِهَا ، وَلَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُحِيلَ مِنْهَا ظَاهِرًا إلَى بَاطِنٍ ، وَلَا عَامًّا إلَى خَاصٍّ إلَّا بِدَلَالَةٍ .
และเขา(ชาฟิอี)กล่าวใน เรื่อง อิคติลาฟิลหะดิษว่า “อัลกุรอ่านนั้น เป็นภาษาอาหรับ เช่น สิ่งที่มันได้ถูกพรรณนาคุณลักษณะไว้ และบรรดาหุกุม (กฎข้อบังคับต่างๆ)ที่อยู่ใน อัลกุรอ่าน นั้น อยู่บนความหมายที่ปรากฏตามตัวบทของมัน และบนความหมายกว้างๆของมัน ไม่อนุญาตให้คนหนึ่งคนใด เปลี่ยนความหมายที่ปรากฏตามตัวบท(ซอฮีร)จากมัน ไปสู่ความหมายที่แขวงเร้น/มีนัยยะ(บาฏิน) และไม่ให้เปลี่ยน ความหมายกว้างๆ (อาม) ไปเป็นความหมายเจาะจง นอกจาก ด้วยหลักฐาน เท่านั้น
อัล-บะหรุลมะฮีฏ ของ อัซซัรกะชีย์ 4/27 เรื่อง الْقَائِلُونَ لَيْسَ لِلْعُمُومِ صِيغَةٌ تَخُصُّهُ
>>>>>>>>
เพราะฉะนั้น การทีที่มีผู้อ้างว่า ความหมายคำพูดที่ปรากฏในอัลกุรอ่าน และอัสสุนนะฮ เกี่ยวกับสิฟาตอัลลอฮนั้น เป็นความหมายที่ไม่ต้องการ ต้องตีความ หรือต้องมอบหมายกลับไปยังอัลลอฮ ห้ามยุ่งเกี่ยว ห้ามแปลความหมาย เป็นการอ้างที่ไม่มีหลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ และไม่ได้เป็นแนวทางของอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ)
والله أعلم بالصواب
ปล. สัจธรรมย่อมชนะความเท็จเสมอ
..........................
อะสัน หมัดอะดั้ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น