อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

หะดีษเมาฎูอฺเกี่ยวกับการละหมาดเราะฆออิบในเดือนเราะญับ



1. รูปแบบการละหมาด

รูปแบบของละหมาดนี้มีระบุในหะดีษเมาฎูอฺที่รายงานจากอะนัส ที่ได้เล่าจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมพอสรุปได้ว่า
“ถ้าใครถือศีลอดในวันพฤหัสแรกของเดือนเราะญับแล้วละหมาดจำนวน 12 ร็อกอัตในช่วงระหว่างมัฆริบและอีชาอ์ของคืนนั้น (คืนวันศุกร์)และให้สลามทุกๆ 2 ร็อกอัตในทุกร็อกอัตให้อ่าน
-ซูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ 1 เที่ยวจบ
- ซูเราะฮฺอัลก็อดรฺ (อินนาอันซัลนาฮุฟีลัยละติลก็อดรฺ) 3 เที่ยวจบ
- ซูเราะฮฺอัลอิคลาศ (กุลฮุวัลลอฮุอะหัด) 12 เที่ยวจบพอละหมาดเสร็จแล้วให้ปฏิบัติดังนี้
- กล่าวเศาะละวาตนบี 70 ครั้ง
- ลงสุญูดแล้วกล่าวคำว่า “สุบบูหน กุดดูสน ร็อบบุลมะลาอิกะติวัรรูหฺ” 70 ครั้ง
- พอเงยหน้าขึ้นจากสุญุดให้อ่าน “ร็อบบิฆฟิร วัรหัม มะตะญาวัซ อัมมา ตะอฺลัม อินนะกะ อันตัลอะซีซุลอะอฺซ็อม” 70 ครั้ง
- เสร็จแล้วให้ลงสูญุดอีกครั้งและกล่าวดุออาอ์เช่นเดียวกัน “สุบบูหน กุดดูสน ร็อบบุลมะลาอิกะติวัรรูหฺ” 70 ครั้ง เสร็จแล้วให้ขอสิ่งที่ต่างๆตามต้องการแล้วจะได้ตามประสงค์”
ท่านนบียังกล่าวอีกว่า “ฉันขอสาบานด้วยพระนามของผู้ที่ตัวฉันอยู่ในกำมือของเขา ไม่มีบ่าวชายหรือหญิงคนใดที่ได้ทำละหมาดนี้ นอกจากอัลลอฮฺต้องให้อภัยในบาปทั้งหลายแก่เขา ถึงแม้ว่าบาปนั้นจะมากมายเท่าฟองน้ำในทะเล และมีจำนวนเท่าเม็ดทราย และหนักเท่าภูเขาและใบไม้ ก็ตาม และในวันกิยามะฮฺเขาจะได้รับอนุญาตให้ช่วยเหลือ (ชะฟาอะฮฺ) แก่ครอบครัวและเครือญาติของเขาที่ต้องตกนรกอย่างแน่นอนแล้วจำนวน 700 คน” (ดู อิหฺยาอ์อุลูมิดดีน เล่ม 1 หน้า 202 และตับยีนอัลอุญับ หน้า 22-24)

2. ทัศนะของอุละมาอ์

อิหม่ามอันนะวะวีย์กล่าวว่า
 “มันเป็นอุตริกรรมที่น่ารังเกียจและรับไม่ได้อย่างยิ่ง ซึ่งประกอบด้วยสิ่งที่ไม่ดีต่างๆมากมาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องละทิ้งและผินหลังให้กับมัน พร้อมทั้งห้ามปรามผู้ที่ปฏิบัติกับมัน” (ฟะตาวาอิหม่ามอันนะวะวีย์ หน้า 57)

อิบนุอันนะหาสกล่าวว่า
“มันคือสิ่งอุติรกรรม หะดีษที่มีรายงานเกี่ยวกับมันล้วนเป็นหะดีษที่เมาฎูอฺโดยมติเอกฉันท์ของอุละมาอ์หะดีษ” (ตันบีฮุลฆอฟิลีน หน้า 496)

อิบนุตัยมิยะฮฺกล่าวว่า
“ส่วนละหมาดเราะฆออิบ ไม่มีต้นตอ (และที่มา) ของมันเลย มันเป็นสิ่งอุตริ ดังนั้นท่านจงอย่าชื่นชอบและส่งเสริมมัน ไม่ว่าจะ (เป็นการละหมาด) ด้วยญะมาอะฮฺ หรือคนเดียว แท้จริงได้มีรายงานที่ถูกต้องจากเศาะหีหฺมุสลิม ระบุว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม “ห้ามเจาะจงละหมาด (กิยาม) ในคืนวันศุกร์และถือศีลอดในกลางวันของมัน และหะดีษที่ระบุเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าว (การส่งเสริมให้เจาะจงละหมาดกิยามในคืนวันศุกร์และถือศีลอดในตอนกลางวัน) เป็นการโกหกและถูกอุปโลกน์ขึ้นมาโดยมติเอกฉันท์ของอุละมาอ์ ไม่เคยมีชนสะลัฟและบรรดาอิหม่ามแม้แต่คนเดียวที่กล่าวถึงสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย” (มัจญ์มูอ์อัลฟะตาวา เล่ม 23 หน้า 123)

และยังมีอุละมาอ์อีกหลายท่านที่ยืนยันถึงการถูกอุปโลกน์ขึ้นมาของหะดีษนี้ อาทิ อิบนุลเญาซีย์ในหนังสือ อัลเมาฎูอาต, อัลหาฟิซ อบู อัลค็อตฏอบ, อบู ชามะฮฺ (ดู อัลบาอิษ อะลา อินการ อัลบิดะอฺ วัลหะวาดิษ หน้า 61, 67)

เช่นเดียวกับการยืนยันถึงความเป็นอุตริกรรมของรูปแบบอิบาดะฮฺดังกล่าวโดย อิบนุลหาจญ์ (ดู อัลมัดค็อล เล่ม 1 หน้า 211) และอิบนุเราะญับ และท่านยังได้อ้างจากอบูอิสมาอีล อัลอันศอรีย์, อบูบะกัร อัลสัมอานีย์ และอบู อัลฟัฎล์ บิน นาศิร อีกด้วย (ละฏออิฟ อัลมะอาริฟ หน้า 228) และอุละมาอ์ท่านอื่นๆ (ดู บทนำหนังสือ มุสาญะละฮฺอัลอิซ บิน อับดุลสะลาม วะอิบนุอัลเศาะลาหฺ หน้า 7-8)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น