อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

การอ่านอิสติ๊กฟาร คืออะไร


ตามเดิมคำว่า อิสติฆฟาร ในภาษาอาหรับหมายถึง การขอให้อัลลอฮฺปกปิดและอภัยโทษให้กับบาปและความผิดที่บ่าวได้กระทำลงไป อุละมาอ์บางท่านเช่น อิบนุ ก็อยยิม อธิบายว่า
อิสติฆฟารคือการกลับตัวหรือการเตาบะฮฺ นั่นคือการขอให้อัลลอฮฺอภัยโทษ ลบล้างบาป ขจัดพิษภัยและร่องรอยของมันให้หมด พร้อมกับขอให้พระองค์ปกปิดมันไว้

โดยหลักๆ แล้วคุณค่าและความสำคัญของอิสติฆฟารพอสรุปได้ดังนี้

(1) อิสติฆฟารเป็นเครื่องหมายของตักวา มีบางอายะฮฺในอัลกุรอานที่อัลลอฮฺได้กล่าวถึงคุณลักษณะต่างๆ ของมุตตะกีน หรือบรรดาผู้ยำเกรงต่อพระองค์ โดยระบุอิสติฆฟารเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ชัดเจนของพวกเขา (ดู อาล อิมรอน : 15-17, อัซ-ซาริยาต : 15-18)
(2) อิสติฆฟารเป็นเครื่องป้องกันจากการลงโทษของอัลลอฮฺ ในอัลกุรอานอัลลอฮฺได้ตรัสว่า

«وَمَا كَانَ اللّهُ لِيُعَذِّبَهُمْ وَأَنتَ فِيهِمْ وَمَا كَانَ اللّهُ مُعَذِّبَهُمْ وَهُمْ يَسْتَغْفِرُونَ» (الأنفال : 33 )

ความว่า และอัลลอฮฺจะไม่ลงโทษพวกเขาในขณะที่มีเจ้า(มุหัมมัด)อยู่ระหว่างพวกเขา และอัลลอฮฺจะไม่ลงโทษพวกเขาทั้งๆ ที่พวกเขานั้นได้อิสติฆฟาร
โองการนี้ได้พูดถึงบรรดาพวกมุชริกีนมักกะฮฺที่ปฏิเสธการเชิญชวนของท่านนบีศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเยาะเย้ยท่านด้วยการเรียกร้องให้ท่านนำการลงโทษของอัลลอฮฺมาให้พวกเขาเห็น แต่อัลลอฮฺก็มิได้ทรงลงโทษพวกเขาในทันทีทันใดทั้งนี้เพราะเหตุที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อยู่พร้อมกับพวกเขา และตัวพวกเขาเองนั้นถึงแม้จะเหยียดหยามท่านนบีอย่างไร ก็ล้วนรู้อยู่แก่ใจว่าการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่เลวทราม และกลัวอยู่ลึกๆ ว่าอัลลอฮฺจะลงโทษพวกเขาจริง จึงได้กล่าวอิสติฆฟารต่ออัลลอฮฺ นี่คือความหมายของประโยคที่ว่า "และอัลลอฮฺจะไม่ลงโทษพวกเขาทั้งๆ ที่พวกเขานั้นได้อิสติฆฟาร" การอิสติฆฟารของพวกเขาเป็นเหตุป้องกันไม่ให้อัลลอฮฺส่งการลงโทษของพระองค์ลงมา (ดู ตัฟซีร อัส-สะอฺดีย์ หน้า 297)
มีรายงานจากเศาะหาบะฮฺบางท่านกล่าวว่า มนุษย์ทั้งหลายมีมูลเหตุแห่งความปลอดภัยจากการลงโทษอยู่สองประการ นั่นคือ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และการอิสติฆฟาร ท่านนบีนั้นได้จากไปแล้ว ในขณะที่อิสติฆฟารจะยังคงอยู่จนถึงวันกิยามะฮฺ (ดู ตัฟซีร อัต-เฏาะบะรีย์ 2:381)
(3) อิสติฆฟารเป็นสาเหตุของการบรรเทาความลำบากและเพิ่มปัจจัยยังชีพ
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

«وَأَنِ اسْتَغْفِرُواْ رَبَّكُمْ ثُمَّ تُوبُواْ إِلَيْهِ يُمَتِّعْكُم مَّتَاعاً حَسَناً إِلَى أَجَلٍ مُّسَمًّى وَيُؤْتِ كُلَّ ذِي فَضْلٍ فَضْلَهُ» (هود : 3 )

ความว่า และจงอิสติฆฟารต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่านและจงเตาบะฮฺต่อพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงประทานความสุขสบายที่งดงามจนถึงวาระที่กำหนด และจะทรงประทานความประเสริฐให้กับผู้ที่สมควรได้รับตามนั้น
นี่เป็นคำสั่งให้อิสติฆฟารจากบาปทั้งหลายที่ผ่านมา พร้อมกลับตัวกลับตนสู่อัลลอฮฺในอนาคตและยืนหยัดเช่นนี้ตลอดไป ซึ่งผลบุญของการกระทำดังกล่าวคือการที่อัลลอฮฺจะทรงประทานการยังชีพที่ดีในโลกนี้จนสิ้นอายุขัย และจะทรงประทานความประเสริฐตามที่สมควรได้รับในโลกหน้า (ดู ตัฟซีร อิบนุ กะษีร 2:537)

คำสั่งในทำนองเดียวกันนี้ท่านนบีนูหฺ และ นบีฮูด อะลัยฮิมัสสลาม ได้เคยเชิญชวนประชาชาติของท่านมาแล้ว โดยได้บอกให้พวกเขาทราบว่าการอิสติฆฟารจะเป็นเหตุให้อัลลอฮฺประทานความกว้างขวางของริสกีและปัจจัยยังชีพจากพระองค์แก่พวกเขา อัลกุรอานกล่าวถึงการเชิญชวนของนบีสองท่านนี้ว่า

«فَقُلْتُ اسْتَغْفِرُوا رَبَّكُمْ إِنَّهُ كَانَ غَفَّاراً، يُرْسِلِ السَّمَاء عَلَيْكُم مِّدْرَاراً، وَيُمْدِدْكُمْ بِأَمْوَالٍ وَبَنِينَ وَيَجْعَل لَّكُمْ جَنَّاتٍ وَيَجْعَل لَّكُمْ أَنْهَاراً» (نوح : 10-12 )

ความว่า แล้วฉัน(นบีนูหฺ)ก็กล่าวแก่พวกเขาว่า จงอิสติฆฟารต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่านเถิด แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ที่อภัยยิ่ง แล้วพระองค์จะประทานให้มีฝนชุกมาจากฟ้า จะทรงประทานทรัพย์สมบัติและลูกหลาน จะทรงทำให้มีสวนไม้และสายน้ำมากมายแก่พวกท่าน
«وَيَا قَوْمِ اسْتَغْفِرُواْ رَبَّكُمْ ثُمَّ تُوبُواْ إِلَيْهِ يُرْسِلِ السَّمَاء عَلَيْكُم مِّدْرَاراً وَيَزِدْكُمْ قُوَّةً إِلَى قُوَّتِكُمْ وَلاَ تَتَوَلَّوْاْ مُجْرِمِينَ» (هود : 52 )
ความว่า (นบีฮูดได้กล่าวว่า) โอ้ เผ่าของฉัน จงอิสติฆฟารต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่าน แล้วจงเตาบะฮฺต่อพระองค์เถิด แล้วพระองค์จะประทานให้มีฝนชุกแก่พวกท่าน และจะทำให้ความแข็งแกร่งของพวกท่านเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก และอย่าได้เมินหลังให้พระองค์เช่นเหล่าอาชญากร
(4) อิสติฆฟารเป็นตัวกระตุ้นให้ลดและขจัดปัจจัยของการทำบาป การทำบาปอย่างเป็นประจำแม้จะเป็นบาปเล็กๆ ถือว่ามีอันตรายใหญ่หลวงยิ่ง พฤติกรรมเช่นนี้ถูกเรียกว่า "อิศรอร" ซึ่งหมายถึงการนิ่งเงียบ (ไม่ยอมละ) จากบาปและละทิ้งการอิสติฆฟาร (ดู ตัฟซีร อัต-เฏาะบะรีย์ 4:97)
การอิสติฆฟารเป็นประจำจะทำให้พฤติกรรมที่ถูกเรียกว่า อิศรอร นั้นหมดความหมาย เช่นที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้สอนว่า
"ไม่มีการ อิศรอร พร้อมๆ กับการอิสติฆฟาร แม้ว่าเขาจะทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่าถึงวันละเจ็ดสิบครั้งก็ตาม" (บันทึกโดย อบู ดาวูด หมายเลข 1514, อิบนุ กะษีร กล่าวว่าเป็นหะดีษหะสัน ดู ตัฟซีรของท่าน 1:499)
และนี่ก็คือคุณลักษณะแห่งผู้ตักวาอีกประการหนึ่งที่อัลลอฮฺได้ตรัสในอัลกุรอานว่า

«وَالَّذِينَ إِذَا فَعَلُواْ فَاحِشَةً أَوْ ظَلَمُواْ أَنْفُسَهُمْ ذَكَرُواْ اللّهَ فَاسْتَغْفَرُواْ لِذُنُوبِهِمْ وَمَن يَغْفِرُ الذُّنُوبَ إِلاَّ اللّهُ وَلَمْ يُصِرُّواْ عَلَى مَا فَعَلُواْ وَهُمْ يَعْلَمُونَ» (آل عمران : 135 )

ความว่า และบรรดาผู้คนที่เมื่อกระทำสิ่งเลวทรามหรือก่อความอธรรมแก่ตัวพวกเขาเองแล้ว พวกเขาจะรำลึกถึงอัลลอฮฺและอิสติฆฟารต่อบาปต่างๆ ของพวกเขา และมีผู้ใดอีกเล่าที่จะอภัยโทษนอกเหนือไปจากอัลลอฮฺ พวกเขาจะไม่ดำเนินอยู่บนบาปที่พวกเขากระทำทั้งๆ ที่พวกเขารู้
ความหมายของโองการนี้คือ พวกเขาจะขออภัยโทษจากบาปและกลับตัวสู่อัลลอฮฺทันที และจะไม่ดำเนินอยู่บนบาปนั้นหรือนิ่งเงียบไม่ยอมปลดตัวเองออกจากมัน และหากความผิดบาปได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกพวกเขาก็จะขออภัยโทษอีก (ดู ตัฟซีร อิบนุ กะษีร เล่มเดิม)

(5) อิสติฆฟารเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่อัลลอฮฺจะประทานอภัย ในหะดีษกุดสีย์บทหนึ่งอัลลอฮฺได้ตรัสว่า
"โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม แท้จริงเจ้าจะไม่วอนขอและไม่หวังต่อข้า เว้นแต่ข้าจะอภัยโทษให้เจ้าต่อบาปที่อยู่กับตัวเจ้าโดยข้าจะไม่สนใจเลย(ว่ามันจะมากมายแค่ไหนก็ตาม) โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม หากบาปของเจ้ามากมายก่ายกองจนเกือบล้นฟ้า แล้วเจ้าก็วอนขออภัยต่อข้า ข้าก็จะอภัยให้โดยไม่สนใจเลย(ว่ามันจะมากมายแค่ไหน) โอ้ มนุษย์ผู้เป็นลูกแห่งอาดัม หากเจ้ามาหาข้าด้วยบาปที่เต็มเกือบเท่าพื้นปฐพี แล้วเจ้าเข้าพบข้าโดยที่ไม่มีการตั้งภาคีใดๆ กับข้า ข้าก็จะเข้าหาเจ้าด้วยการอภัยโทษที่เต็มเท่าพื้นแผ่นดินนี้เช่นเดียวกัน"
(อัต-ติรมิซีย์ : 3540, อิบนุ เราะญับกล่าวว่า หะดีษนี้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสายรายงาน กล่าวคือเป็นหะดีษที่ใช้ได้ ดู ญามิอฺ อัล-อุลูม วัล-หิกัม 2:400)

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า "ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺผู้ซึ่งชีวิตข้าอยู่ในพระหัตถ์แห่งพระองค์ หากพวกเจ้าไม่มีการพลาดพลั้งทำบาปเลย แน่แท้อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเจ้าสูญสิ้นไป และพระองค์ก็จะทรงนำชนกลุ่มอื่นที่ทำบาปให้มาสืบทอดแทนพวกเจ้า พวกเขาจะกล่าวอภัยโทษต่ออัลลอฮฺและพระองค์ก็จะทรงอภัยให้เขา" (มุสลิม : 2749)

เพราะอิสติฆฟารมีความสำคัญเยี่ยงนี้ อัลลอฮฺจึงสอนให้บรรดานบีรู้จักการอิสติฆฟาร นับตั้งแต่นบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม จนถึงท่านนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ทั้งหมดล้วนได้ทำแบบอย่างที่ดียิ่งในการอิสติฆฟารขออภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา


.....................................
อดทด เพื่อชัยชนะ โพส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น