อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

การสิ้นลมระหว่างทาง





1.

ครั้งหนึ่งสมัยยุคก่อนหน้าพวกท่าน
มีผู้ชายคนหนึ่งได้ฆ่าคนถึง 99 คน และเขาต้องการที่จะกลับเนื้อกลับตัว เขาจึงสอบถามผู้มีความรู้ทีึ่สุด

ดังนั้น จึงมีคนแนะนำให้เขาไปหานักบวชผู้หนึ่ง..

เขาจึงได้เดินทางไปหานับบวชตามคำแนะนำ จนกระทั้งเขาได้พบกับนักบวชคนดังกล่าว จึงได้สอบถามนักบวชผู้นั้นว่า

"เราได้ฆ่าคนไปแล้ว 99 คน มีหนทางบ้างไหมที่เราจะสามารถเตาบะฮฺเพื่อจะกลับเนื้ัอกลับตัวได้ ?" นักบวชตอบเพียงสั้น ๆ ว่า "ไม่มี"

เมื่อเขาได้ฟังและได้ยินเช่นนั้น

ด้วยความโมโหเขาจึงได้ฆ่านับบวชผู้นั้นเสีย จำนวนคนที่ถูกตนเองฆ่าจึงกลายเป็น 100 คน

หลังจากนั้น ก็มีคนแนะนำให้เขาเดินทางไปหานักปราชญ์ผู้่หนึ่ง

เขาจึงเดินทางไปหาและสอบถามนักปราชญ์ผู้นั้นว่า "เราได้ฆ่าคนถึง 100 คนแล้ว จะมีหนทางที่เราจะเตาบะฮฺ เพื่อจะกลับเนื้อกลับตัวได้ไหม ?"

นักปราชญ์ผู้นั้นตอบว่า "ย่อมมีทางสำหรับท่านอย่างแน่นอน เพราะไม่มีสิ่งใดเลยที่จะขัดขวางการเตาบะฮฺเพื่อจะกลับเนื้อกลับตัวได้"

นักปราชญ์ได้แนะนำให้เขาอพยพไปยังเมืองเมืองหนึ่ง ซึ่งมีแต่คนทำความดี และให้ทิ้งเมืองเดิมของเขา เพราะมีแต่คนชอบทำความชั่ว

เขาจึงตั้งใจออกเดินทางอพยพไปยังเมืองที่นักปราชญ์ผู้นั้นแนะนำ

แต่ในระหว่างทาง...

เขากับเสียชีวิตลงก่อนที่จะไปถึงเมืองดังกล่าว ซึ่งมีมะลาอีกะฮฺ 2 ท่าน คือ มลาอิกะฮฺแห่งความเมตตา และมลาอีกะฮฺแห่งการลงโทษมาหาเขา เพื่อแย่งกันถอดวิญญาณออกจากร่างของเขา

มลาอิกะฮฺแห่งความเมตตาต้องการที่จะนำวิญญาณของเขาไปโดยกล่าวว่า "เขาผู้นั้ได้เตาบะฮฺตนและมุ่งมั่นไปสู่อัลลอฮฺด้วยใจจริง"

ในขณะเดียวกัน มลาอิกะฮฺแห่งการลงโทษก็ต้องการที่จะนำวิญญาณของเขาไปเช่นกัน โดยกล่าวว่า "เขาผู้นี้ไม่เคยทำความดีใด ๆ ไว้เลย แม้แต่น้อย"

ด้วยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ...

พระองค์จึงได้ส่งมลาอิกะฮฺอีกตนหนึ่งมาเพื่อเป็นผู้ตัดสินโดยบอกใ้ห้มลาอิกะฮฺทั้งสองวัดระยะทางจากจุดที่เขาเสียขีวิตไปยังทั้ง 2 เมือง เมืองไหนที่มีระยะทางใกล้กว่าก็ให้ถือว่าเขาเป็นชาวเมืองนั้น

มลาอิกะฮฺทั้ง 2 ท่านจึงช่วยกันวัดระยะทาง และพบว่าเมืองที่เขาตั้งใจอพยพไปมีระยะทางใกล้กว่า (ด้วยการดลบันดาล และการช่วยเหลือของอัลลอฮฺ)

ดังนั้น มลาอิกะฮฺแห่งความเมตตาจึงได้นำเอาวิญญาณของชายผู้ันั้นไป (รายงานโดยมุสลิม)

2....

ทุก ๆ ชีวิตต่างไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าวาระสุดท้ายของชีวิตนั้น ๆ จะมาถึงและสิ้นสุดลงเมื่อใด

แต่หากในวันนี้เรายังเผลอเรอ ไม่รู้หนาวรู้ร้อนต่อความผิดบาปย่อมไ่ม่ต้องเดาเลยว่า มลาอิกะฮฺที่จะมาหาเรานั้น จะเป็นมลาอิกะฮฺแห่ง "ความเมตตา" หรือมลาอิกะฮฺแห่ง "การลงโทษ" กันแน่ !!


.................................................
ผู้เขียน : บุหรง
(จากหนังสือ : ก่อนฤดูเก็บเกี่ยว)
อดทน เพื่อชัยชนะ โพส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น