อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นนบีของอัลลอฮฺ



เมื่อได้ฟังคลิป ท่านริฎอ อะหมัด สมะดี "ผมให้น้ำหนักว่า "พระพุทธเจ้าเป็นรสูล เป็นนบี" ถูกส่งลงมาในภูมิภาคเอเชีย อาเซียน และได้ยกหลักฐานมามั่วๆ โดยยกอัลกุรอานที่ว่า

وَلَقَدْ بَعَثْنَا فِي كُلِّ أُمَّةٍ رَّسُولًا الآية

“และแน่แท้เราได้ส่งศาสนทูตผู้หนึ่งไปในทุกประชาคม” (บทอัน-นะหฺลุ้ : 34)

 ท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ระบุจำนวนของนบีว่ามี “140,000” คน จากจำนวนนั้นมีรสูลจำนวน 315 ท่าน (รายงานโดยอะหฺมัด) (ท่านริฎอ กล่าวว่า มี 142,000 คน)

ท่านกล่าวว่าอัลกุรอานบอกว่าทุกพื้นที่มีรสูล เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และท่านก็กล่าวว่า เห็นด้วยไหม ที่จะเอาเนื้อหานี้ ว่าพุทธเจ้าเป็นรสูล เอามาเป็นวิธีเผยแพร่อิสลาม กับคนศาสนิก ผมถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ ถ้าคนหนึ่งคนใด เชื่อจริงๆนี่นะ เป็นเครื่องมือบอกพี่น้องชาวพุทธว่า ศาสนาของพวกท่านมีเชื้อแห่งศาสนาแห่งฟากฟ้า อันนำเขาไปรู้จักอัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างแท้จริงโดยเอาเนื้อหาในศาสนานี้มาตีความให้เขาสำนึกในแหล่งแท้ๆในเนื้อหานี้ ทำได้ไหม ผมไม่คัดข้อง ถือเป็นเรื่องสามารถที่กระทำได้

แต่ท่านริฎอ ไม่ได้ยกหลักฐานเหล่านี้เลย


وَلَقَدْ بَعَثْنَا فِي كُلِّ أُمَّةٍ رَّسُولًا أَنِ اعْبُدُوا اللَّـهَ وَاجْتَنِبُوا الطَّاغُوتَ

“และแน่แท้เราได้ส่งศาสนทูตผู้หนึ่งไปในทุกประชาคม (โดยศาสนทูตนั้นประกาศว่า) พวกท่านจงเคารพสักการะพระองค์อัลลอฮฺ (ศุบฮานะฮูวะตะอาลา) และจงหลีกห่างสิ่งที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นเป็นพระเจ้า” (อัน-นะหฺลุ้ : 36)

นั้นคืออัลลอฮฺได้ทรงศาสนทูตไปทุกๆประชาชาติ โดยประกาศให้สักการะพระองค์อัลลอฮฺ แล้วพระพุทธเจ้าละท่านประกาศให้สักการะพระองค์อัลลอฮฺองค์เดียวไหม? มีการประกาศหลักธรรมคำสอนในเรื่องเอกานุภาพของอัลลอฮฺ  และเรียกร้องให้ทุกประชาคมทำการอิบาดะฮฺพระองค์อัลลอฮฺและหลีกห่างจากการตั้งภาคีไหม? คำตอบคือ "ไม่เลย"

แต่พระพุทธเจ้า กลับนำคำสอนเกี่ยวกับ การยึดพระรัตนตรัย หมายถึง แก้ว 3 ดวง คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะ ซึ่งมิใช่หลักเอกานุภาพอย่างแน่นอน

พระองค์อัลลอฮ์ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา

وَمَا أَرْسَلْنَا مِن قَبْلِكَ مِن رَّسُولٍ إِلَّا نُوحِي إِلَيْهِ أَنَّهُ لَا إِلَـٰهَ إِلَّا أَنَا فَاعْبُدُونِ

“และเรามิได้ส่งศาสนทูตคนใดมาก่อนหน้าท่านนอกเสียจากว่าเราจะมีวะหิยฺไปยังศาสนทูตผู้นั้นว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นพวกท่านจงเคารพสักการะต่อข้า” (อัล-อัมบิยาอฺ : 25)

แต่พระไตรปิฎกเป็นคัมภีร์ในพุทธศาสนาไม่ได้กล่าวเชิญชวนไปยังพระองค์อัลลอฮฺตะอาลาองคืเดียว
พระไตรปิฎกเป้นคัมภีร์ ซึ่งมิได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของศาสนาแห่งฟากฟ้า (อัล-อัดยานฺ อัส-สะมาวียะฮฺ) ที่เชื่อในพระผู้ทรงสร้างหนึ่งเดียวคือพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา


หลักฐานของท่านเพียงพอแล้วหรือ? ที่มีความเชื่อว่า "พระพุทธเจ้าเป็นนบีของของอัลลอฮฺ" ที่ถูกส่งมายังประชาชาติอาเซียน(มันไม่ใช่ยุคสมัยหรอกหรือ เช่น ประชาชาติของนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ผู้คนตั้งแต่ยุคสมัยท่านนบีมุหัมมัด  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) จนถึงวันกิยามะฮฺ เป็นประชาชาติของท่าน)

หลักที่จะต้องถือเป็นมาตรฐาน

لَانُثْبِتُ النَّبَوَّةَلِأَحَدٍإلَّابِدَلِيْلٍ

“เราจะไม่ยืนยันรับรองความเป็นนบีให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดนอกเสียจากด้วยหลักฐาน”

และท่านก็อ้างถึงท่านนบีชุอัยบ์ (อะลัยฮิสลาม) ซึงเป็นนบีในหมู่ชนมัดยันแถวเกาะซีนัย ท่านก็กล่าวยืนยันว่าถูกกล่าวไว้ในอัลกุรอาน


وَإِلَىٰ مَدْيَنَ أَخَاهُمْ شُعَيْبًا قَالَ يَا قَوْمِ اعْبُدُوا اللَّهَ مَا لَكُم مِّنْ إِلَٰهٍ غَيْرُهُ وَلَا تَنقُصُوا الْمِكْيَالَ وَالْمِيزَانَ إِنِّي أَرَاكُم بِخَيْرٍ وَإِنِّي أَخَافُ عَلَيْكُمْ عَذَابَ يَوْمٍ مُّحِيطٍ ( 84 )

"และยังกลุ่มชนของมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือชุอัยบ์ เขากล่าวว่า “โอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย! พวกท่านจงเคารพอิบาดะฮ์อัลลอฮ์เถิด พวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ และพวกท่านอย่าให้การตวง และการชั่งบกพร่อง แท้จริงฉันเห็นพวกท่านยังอยู่ในความดี และแท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านต่อการลงโทษในวันที่ถูกห้อมล้อมไว้" (อัลกุรอาน สุเราะฮฺ ฮูด 11:84)

ท่านจะนำท่านนบีชุอัยบ์ที่ถูกยืนยันความเป็นนบีของอัลลอฮฺมาเปลียบเทียบกับพระพุทธเจ้าของพุทธศาสนา ว่าพระพุทธเจ้าเป็นศาสทูตของอัลลอฮฺเช่นกันได้อย่างไรกัน...

ทั้งความเชื้อเหล่านี้ เป็นหลักอากีดะฮฺของลัทธิก็อดยานีย์สาขาลาโฮร์ ซึ่งกล่าวว่า
"พระพุทธเจ้า ขงจื้อ พระกฤษณะที่ชาวฮินดูยกย่องให้เป็นเทพเจ้านั้น เป็นศาสดาที่แท้จริง นี้เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคัมภีร์กุรอานที่ประกาศว่าพระเจ้าส่งผู้สื่อสารไปทุกๆชาติบนพื้นโลก"
(หนังสือเผยแพร่ของลัทธิก็อดยานีย์ ชื่อ “หมัดผู้สืบทอดที่ทรงสัญญาไว้และมะฮฺดี” หน้า 7 พ.ศ.2537)
(อ่านเพิ่มเติม "ระวังอากีดะฮฺก็อดยานีย์" http://the-truth-of-islamic.blogspot.com/2013/02/blog-post_7220.html)

และท่านยังเชิญชวนมุสลิมให้นำหลักความเชื่อของท่าน ที่ว่า "พระพุทธเจ้าของพุทธศาสนามีเชื้อแห่งศาสนาแห่งฟากฟ้า" เป็นเครื่องมือในการเชิญชวนคนต่างศาสนิกอีกด้วย ทั้งที่ความเชื้อเหล่านี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานอิสลามเลยอย่างนั้นหรือ?

บรรดานักปราชญ์หรือศาลอิสลามในประเทศที่ใช้กฏหมายอิสลามมีความเห็นว่าความเชื่อเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการเผยแพร่ความเชื่อเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คนหลงผิดบุคคลที่เชื่อและเผยแพร่ความคิดดังกล่าวก็จะต้องถูกบังคับคดีให้ละเลิกและยุติความเชื่อตลอดจนการเผยแพร่นั้นภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด (เช่น 3 วัน) หากบุคคลผู้นั้นยังคงยืนกรานก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามระวางโทษที่กฏหมายอิสลามของประเทศนั้นกำหนดซึ่งอาจจะถูกคุมขังหรือมีโทษประหารชีวิตก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลและตัวบทกฏหมายเป็นสำคัญ (ส่วนนี้ โดยท่านอาจารย์อาลี เสื้อสมิง)


والله أعلم بالصواب





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น