อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระวังอากีดะฮฺก็อดยานีย์




อิสลามเป็นระบบสมบูรณ์แบบ ที่พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงรับรองให้เป็นแนวทางแก่มนุษย์ ดังที่พระองค์ ตรัสว่า

 الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا فَمَنِ اضْطُرَّ فِي مَخْمَصَةٍ غَيْرَ مُتَجَانِفٍ لِّإِثْمٍ فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَّحِيمٌ ( 3 ) 

". . วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหย โดยมิใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาปแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ 5:3)

ดังนั้นผู้ใดที่ฝักใฝ่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดที่นอกรีต และแหวกแนว บิดเบือนคำสอนของอิสลาม ทำลายความเชื่ออิสลามของมุสลิม ดึงดันอยู่ในความเชื่อผิดๆ มุ่งสร้างความสงสัยในคำสอนของศาสนาที่มีอยู่ในคัมภีร์ของอัลลอฮฺ พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงชีขาดว่า ศาสนาที่แหวกแนวนั้นจะไม่ถูกตอบรับอย่างเด็ดขาด ดังพระองค์ตรัสว่า

وَمَن يَبْتَغِ غَيْرَ الْإِسْلَامِ دِينًا فَلَن يُقْبَلَ مِنْهُ وَهُوَ فِي الْآخِرَةِ مِنَ الْخَاسِرِينَ ( 85 ) 
"และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน"
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อาละอิมรอน 3:85)

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อุละมาอฺต่างก็ทำหน้าที่ต่อต้านกลุ่มที่แหวกแนวทั้งหลาย ไม่ว่ากลุ่มกอดารียะฮฺ กลุ่มญะฮฺมีญะฮฺ หรือกลุ่มมุอ์ตะซิละฮฺก็ตาม

ลัทธิก็อดยานีย์และสาขาของลัทธินี้

กลุ่มก็อดยานีย์ (ขวนการการอะฮฺมะดียะฮฺ) ก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อบิดเบือนและทำลายอิสลาม ตามความมุ่งหมายของจักรวรรดินิยมอักกฤษ โดยมีมิรซาฆุลาม อะฮฺมัดอ้างตนเป็นนบีจอมปลอม อ้างว่าพระผู้เป็นเจ้าในสวรรค์ยังทรงให้เกียรติเขา และประทานยศศักดิ์อันสูงส่งให้เขาเป็นราชาแห่งชาติอารยัน(อินเดีย) เป็นชัยบฮาดุรซิงค์เป็นองค์พระกฤษณะ และได้อีกชื่อหนึ่งว่า แมรี่

กลุ่มก็อดยานีย์ แบ่งออกเป็น 2 สาขา คือสาขาร็อบวะฮฺ และสาขาลาโฮร์

1.ลัทธิก็อดยานีย์สาขาร็อบวะฮฺ อ้างอย่างไม่ปิดบังอำพรางว่า มีความเชื่อต่อศานดาภาพของมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด ใครไม่ยอมเชื่อเช่นนั้นก็ถูกประนามว่าเป็นกาเฟร อยู่นอกวงการอิสลามอย่างสิ้นเชิง

.ลัทธิก็อดยานีย์สาขาละโฮร์ เป็นสานุศิษย์ของมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด ผู้ก่อตั้งลัทธิก้อดยานีย์ ผู้บังอาจอ้างตนเป็นนบี  แต่ตรงกันข้ามกับลัทธิก็อดยานีย์สาขาร็อบวะฮฺที่ว่า มีการวางตนเยี่ยงมุสลิมที่มีเกียรติน่าเชื่อถือ และมีความเคร่งคลัดในการปฏิบัติศาสนา แต่ได้มีโอกาสแพร่แนวความคิดนอกรีตของเขาแบบน้ำลอดใต้ทราย ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อหลักศรัทธาเชื่อมั่นของอิสลามยิ่งกว่าลัทธิก็อดยานีย์สาขาร็อบวะฮฺยิ่งนัก เนื่องจากการปกปิดความเกี่ยวพันระหว่างพวกเขากับมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด

มุฮัมมัด อาลี หัวหน้าก็อดยานีย์ แห่งลาโฮร์

มุฮัมมัด อาลี ท่านผู้นี้ถือเป็นหัวหน้าก็อดยานีย์ แห่งลาโฮร์ ผู้ซึ่งเป็นภัยอย่างยิ่งต่ออิสลาม เขาคือผู้วางแผนทำลายล้างอิสลามตัวยง เป็นผู้สนองคำบัญชาของจักรวรรดินิยมอังกฤษโดยตรง

มุฮัมมัด อาลี เขาจบการศึกษาสูงในวิทยาการสมัยใหม่ นั้นปริญญาโท ทางจักรภพนิยมได้แต่งตั้งเข้เป็นรองหัวหน้าของก็อดยานีย์ ผู้สมอ้างตนเป็นนบี เพื่อจะได้ร่วมมือกันทำลายอิสลาม เพื่อให้เกิดความระส่ำระส่ายปั่นป่วนขึ้นทุกระดับชั้น จักรวรรดินิยมได้ตั้งเงินเดือนให้เขาในอัตรากว่า 200 รูปี ซึ่งนายใหญ่ของมุอัมมัด อาลี นบีกำมะลอ คือ ฆุลามอะฮฺมัด ก่อนที่จะอ้างตนเป็นนบีนั้นเคยได้รับเงินเดือน้พียง เดือนละ 15 รูปี มุอัมมัด อาลี ได้วางแผนที่จะทำหน้าที่คนสอดแนมในหมู่มุสลิม เพื่อคาบไปรายงานต่อจักรวรรดินิยมอักกฤษ

มุฮัมมัด อาลี และมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด เริ่มสร้างความปั่นป่วนให้กับอิสลามด้วยการสนับสนุนเผยแพร่ความเท็จต่างๆ ในหมู่มุสลิมด้วยอำนาจเงิน มุฮัมมัด อาลี ได้ออกนิตยสาร รีวิวออฟรีลิเย่น เพื่อยุยงให้เกิดต่อต้านฝ่าฝืนระบบวินัยอันดีงามของอิสลาม และให้ท้ายจักรวรรดินิยมอังกฤษ และผู้ที่นิยมวัฒนธรรมตะวันตก
เมื่อมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด ใกล้เสียชีวิต มุฮัมมัด อาลี ได้ขยับฐานะขึ้นเป็นบรรณาธิการนิตยสาร รีวิวออฟรีลิเย่น

มุอัมมัด อาลี แปลความหมายอัลกุรอานตามแนวทางของมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด

จักรวรรนิยมเกรงว่าผลงานที่ได้ลงทุนไปนั้นจะสูญเปล่าจึงยุให้มุฮัมมัด อาลี เป็นหัวหน้าฝ่ายที่คัดค้านกับมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด เอาไว้เสียก่อน ด้วยการแยกมาตั้งเป็นคณะใหม่ โดยประกาศว่ามิรซาฆุลาม อะฮฺมัด เป็นผู้ปฏิรูปสังคม (มุญัดดิ๊ด) คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ศาสดา ดังที่เข้าใจกัน ทั้งนี้เพื่อลวงผู้ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างชัดเจนให้ตกเป็นเยื่อ

หลักฐานที่ยืนยันคำพูดของลัทธิก้อดยานีย์สาขาลาโฮร์ตามความจริงที่ถูกปกปิดเอาไว้นั้น ตรงกับความเชื่อมั่นของก็อดยานีย์สาขาร็อบวะฮฺ ตามหนังสือพิมพ์ ฎบัยฆามซุลฮ์ ของก็อดยานีย์สาขาลาโฮร์ ฉบับที่ 7 กันยายน ค.ศ.1913 ระบุว่า
พวกเราเป็นผู้จงรักภักดีรุ่นแรกสุดของท่านอัลมะเซี้ยะฮฺที่ได้รับคำสัญญาว่าจะกลับมา (หมายถึงมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด) เราเชื่อว่าท่านอัลมะเซี้ยะฮฺ (มิรซาฆุลาม อะฮฺมัด) เป็นศาสดาของอัลลอฮฺตะอาลา ที่สัจจริง ท่านได้ถูกส่งมานำทางแก่ปวงชนในยุคปัจจุบัน และเราก็เชื่อด้วยว่าไม่มีทางที่จะรอดพ้นได้เลย นอกจากจะต้องเชื่อฟังปฏิบัติตามท่าน (มิรซาฆุลาม อะฮฺมัด) เท่านั้น

มุฮัมมัดอาลี เขียนไว้ในนิตยสารรีวิวออฟรีลิเย่นเล่ม 7 หน้า 248 ว่า
ถ้ามูซาเป้นนบีของอัลลอฮฺ และอีซาเป็นรสูลของอัลลอฮฺ มิรซาฆุลาม อะฮฺมัด ก็เป็นทั้งนบี และรสูลของอัลลอฮฺ เพราะเครื่องหมายต่างๆของศาสนานั้น ล้วยปรากฏอยู่ในตัวของท่าน อย่างครบถ้วน ซุ่งข้าพเจ้าพร้อมที่จะสละชีวิตพ่อแม่เพื่อรักษาชีวิตของมิรซาฆุลาม อะฮฺมัด เอาไว้ให้ได้" 
ความเชื่ออากีดะฮฺก็ดยานีย์สาขาลาโฮร์

ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของอากีดะฮฺของก็อดยะนีย์สาขาลาโฮร์ ที่อาจมีเผยแพร่ให้ประกฎในหมู่มุสลิมบ้านเรา หากพบความเชื่อเหล่านี้ต้องปฏิเสธและหลีกห่างทันที

┣▇▇▇═─ เชื่อว่าสัญญาณใหญ่ของวันอวสานได้เกิดขึ้นแล้ว ยะอฺญู๊จกับมะอฺญู๊จ หมายถึง จักรวรรดินิยมตะวันตก และรัสเซียที่ข่มเหงรุกรานประชาชาติอิสลามปัจจุบัน
ส่วนดัจญ้าลหมายถึงตัวตนของพวกเขาที่มาพร้อมกับนักบวชเพื่อเปลี่ยนมุสลิมให้เป็นคริสต์ ดัจญ้าล จึงหมายถึง ชาติพันธุ์ ไม่ใช่บุคคล
อัลมะเสี๊ยฮฺและมะฮฺดี คือบุคคลเดียวกัน ซึ่งก็คือ มิรซาฆุลาม อะฮฺมัด

┣▇▇▇═─ พระพุธเจ้า ขงจื้อ พระกฤษณะที่ชาวฮินดูยกย่องให้เป็นเทพเจ้านั้น เป็นศาสดาที่แท้จริง นี้เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับคัมภีร์กุรอานที่ประกาศว่าพระเจ้าส่งผู้สื่อสารไปทุกๆชาติบนพื้นโลก
(หนังสือเผยแพร่ของลัทธิก็อดยานีย์ ชื่อ หมัดผู้สืบทอดที่ทรงสัญญาไว้และมะฮฺดี หน้า 7 พ.ศ.2537)

┣▇▇▇═─ ชีวิต(ในบัรซัค) จะถูกเปลี่ยนร่าง ซึ่งมิใช่ร่างต่างๆ (ในดุนยานี้) เพื่อลิ้มรสแห่งการงานตามสภาพของมัน ร่างที่ว่านี้ คือความมืด หรือแสงสว่างประหนึ่งการงานของมนุษย์คือร่างของเราในโลกดังกล่าว ถือเป็นประสบการณ์ทางจิตของแต่ละคนตามการงานที่ตนประกอบไว้
(www.islamAhmadiyya.net)

┣▇▇▇═─ ความจริงของสวรรค์ตามหลักอิสลาม คือภาพสะท้อนของการศรัทธา และการปฏิบัติของมนุษย์ในโลกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ได้รับจากภายนอก สวรรค์ของคือสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ เมื่อคนตายและอยู่ในอลัมบัรฺซัคนั้น จิกริยาของผู้นั้นจะมีความรู้สึกในกรรมดีและกรรมชั่วที่ตนได้ประกอบไว้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้หมายถึงการถุกลงโทษ
(www.islamAhmadiyya.net)

┣▇▇▇═─ ชีวิตหลังความตายหาได้เป็นสิ่งใหม่แต่มันเป็นสภาพเดียวกับโลกนี้แต่ชัดเจนกว่า...และมันเกิดขึ้นแล้วภายในตัวมนุษย์โลกนี้ เช่นการมีคนถูกคุมขังย่อมรู้ความผิดหรือความบริสุทธิ์ใจของตนก่อนที่จะถูกพิพากษาตัดสิน กล่าวคือคนผิดจะรู้สึกกระวนกระวายทุกข์ร้อน แต่คนถูกจะรู้สึกเฉยๆ นั้นคือการลงโทษในกุบูรฺ ไม่มีอะไรใหม่ แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์พบเจอมาแล้วตั้งแต่อยู่บนโลกนี้ ซึ่งก็คือจิตที่เป็นทุกข์ ส่วนคนดีจิตของเขาก็เป็นสุข

(จึงเป็นปฏิเสธการลงโทษในกุบูร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำให้สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม)

┣▇▇▇═─ คำว่าญินในอัลกุรอาน เมื่อกล่าวคู่กับคำว่ามนุษย์นั้น หมายถึงผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่คณะนั้น คำว่ามนุษย์หมายถึงบริวาร ญินที่ไร้ร่างจึงไม่มี ไสยศาสตร์เวทมนต์เป็นเรื่องจินตนาการที่ไร้สาระ และเป็นสิ่งหลอกลวง รายงานที่ระบุว่าท่านนบี ถูกคุณไสยเป็นรายงานไม่ถูกต้อง

(ญินคือญินไม่มีสะลัฟท่านใดเข้าใจว่าญิณคือมนุษย์ ส่วนชัยฏอนอาจหมายถึงญิณ หรือมนุษย์ก็ได้(อัลกุรอาน 6:112)
┣▇▇▇═─ ไม่มีการประหารชีวิตยกเว้นผู้ละทิ้งศาสนา...ที่ก่อสงคราม...โดยอ้างว่าไม่มีในอัลกุรอานที่ระบุว่าการที่ผู้ใดออกจากศาสนาอิสลามจะต้องถูกประหารชีวิต

(ทั้งเรื่องนี้ปรากฏชัดเจนในฮะดิษเศาะเฮียะฮฺ และยังปฏิเสธการขว้างชายหญิงที่แต่งานแล้วทำซีนาจนตาย)

┣▇▇▇═─ ท่านนบีอีซาถูกตรึงบนไม้กางเขนแต่ไม่ตาย ท่านได้หนีไปอยู่ที่แคชเมียร์ และตายที่นั้น

┣▇▇▇═─ เชื่อว่าท่านบีอีซามีพ่อ นั้นคือท่านหญิงมัรยัมมีสามี เหมือนคนอื่นๆ โดยระบุว่ายุซุฟอัลนัจญารเป็นพ่อของนบีอีซา ..มิรซาฆุลาม อะฮฺมัด กล่าวว่า อัลมพเซี๊ยฮฺ อิบนุ มัรยัม เคยทำงานเป็นช่างไม้กับพ่อ ชื่อว่ายุซุฟ อัลนัจญารเป็นเวลา 22 ปี

(ไม่มีผู้รู้ยุคสลัฟท่านใดเชื่อว่าอีซามีพ่อ ส่วนยูซุฟอัลนัจญาร เขาเป็นเพียงญาติใกล้ชิดของมัรยัม แต่ไม่ใช่สามีของนาง (อิบนุกะษีร เล่ม 3 หน้า 117)

┣▇▇▇═─ ปฏิเสธความเชื่อที่ว่าท่านนบีอีซาพูดได้ขณะยังเป็นทารกนอนเปลอยู่ โดยระบุในวงเล็บในสูเราะฮฺ 9:92 ว่าเมื่ออีซาโตแล้ว ตีความคำว่าอุ้มเป็นขี่ลา

┣▇▇▇═─ ปฏิเสธการถูกฆ่าของบรรดาผู้ประกาศศาสนาของอัลลอฮฺ (ซึ่งในอัลกุรอานหลายอายะฮฺที่ระบุว่าพวกยิวได้ฆ่านบีหลายท่าน)

 ....
والله أعلم بالصواب



✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น