กรณีที่อวัยวะเพศ
ไม่ว่าสัมผัสอวัยวะเพศของตนเองหรือของผู้อื่น
จะเป็นของเพศเดียวหรือเพศตรงข้ามก็ตาม มีความขัดแย้งกัน ว่า
จะทำให้เสียน้ำละหมาดหรือไม่ โดยแบ่งออกเป็น 3 ทัศนะ คือ
ทัศนะแรก
การสัมผัสอวะเพศดังกล่าวไม่ทำให้เสียน้ำละหมาด
ไม่ว่าจะมีความรู้สึกทางเพศหรือไม่ก็ตาม
ทัศนะที่ 2 ทำให้เสียน้ำละหมาดถึงแม้จะไม่มีความสึกทางเพศก็ตาม
ทัศนะที่ 3
หากการสัมผัสอวัยเพศแล้ว มีความรู้สึกทางเพศจะทำให้เสียน้ำละหมาด
แต่หากไม่มีความรู้สึกทางเพศ จะไม่เสียน้ำละหมาด
ทัศนะที่ว่าไม่เสียน้ำละหมาดโดยอ้างอิงหลักฐานดังนี้
รายงานจากท่านฏ็อลกิล บุตรของอะลี ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ
เล่าวว่า
“มีชายคนหนึ่งถามท่านรสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับบุคคลหนึ่งสัมผัสอวัยวะเพศของเขา ถือว่าเขาเสียน้ำละหมาดหรือไม่ ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า ไม่เสีย แท้จริง อวัยวะเพศถือเป็นส่วนหนึ่งจากร่างกายของท่าน” (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ มุสลิม อบูดาวูด อัตติรมีซีย์ โดยท่านอิบนุ หิบบาน ถือว่าหะดิษนีเศาะเฮียะฮฺ ,อิบนิลมะดีนี กล่าวว่า หะดิษบทนี้ดียิ่งกว่าหะดิษที่รายงานโดยยุสเราะฮฺเสียอีก)
และหะดิษที่รายงานโดยอุมัร อะลี อิบนุมัสอู๊ด
อิบนุอับบาส
อบูอุร็อยเราะฮฺ กล่าว่า
"ความจริงพวกเขาไม่ถือว่าการกระทบอวัยวะเพศนั้นเป็นหะดัษ จนกระทั้งอะลี ได้กล่าว่า ฉันไม่สนใจที่จะสัมผัสมัน"
ผู้ที่มีทัศนะนี้คือผู้ที่ตามมมัซอับฮานาฟีย์
ทัศนะที่ว่าทำให้เสียน้ำละหมาดถึงแม้จะไม่มีความสึกทางเพศก็ตามโดยอาศัยหลักฐานดังนี้
ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ مَسَّ ذَكَرَهُ فَلْيَتَوَضَّأْ
“ ผู้ใดที่สัมผัสโดนวัยเพศของเขา เขาจงอาบน้ำละหมาด ”
(บันทึกโดยอาบูดาวูด)
รายงานหนึ่ง ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
منْ مَسَّ ذَكَرَهُ فَلا يُصَلِّ حَتَّى يَتَوَضَّأْ
“ ผู้ใดที่สัมผัสโดนวัยเพศของตนเอง เขาจงอย่าละหมาด จนกว่าเขาจะอาบน้ำละหมาดให้เรียบร้อย เสียก่อน ” (บันทึกโดยมุสลิม,อาบูดาวูด,อัดติรมิซีย์และอันนะซาอีย์)
ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
أَيُّمَا رَجُلٍ مَسَّ فَرْجَهُ فَلْيَتَوَضَّأْ و َأَيُّمَا امْرَأَةٍ مَسَّتْ فَرْجَهَا فَلْتَتَوَضَّأْ
“ ชายใดสัมผัสโดนอวัยวะเพศตนเองเขาจงอาบน้ำละหมาด และหญิงใดที่สัมผัสโดนอวัยวะเพศตนเอง เธอจงอาบน้ำละหมาด ” (บันทึกโดยอะหมัดและอัดฏ้อบรอนีย์)
ท่านรอซูลุล ลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้อีกว่า
مَنْ أَفْضَى بِيَدِهِ إِلَى فَرْجِهِ لَيْسَ دُونَهُ حِجَابٌ فَقَدْ وَجَبَ عَلَيْهِ الْوُضُوءُ
“ ผู้ใดที่ยื่นมือไปโดนอวัยวะเพศของตนเองโดยไม่มีสิ่งปิดกั้น แน่นอนการอาบน้ำละหมาดใหม่ถือว่าจำ เป็นบนเขาแล้ว ”
(บันทึกหะดิษโดยอัลฮากิมและอิบนิอับดิลบัรรฺ)
ผู้ที่มีทัศนะเช่นนี้คือ ผู้ที่ตามทัศนะของมัซฮับมาลิกีย์ ชาฟีอีย์ และฮัมบาลีย์
โดยกลุ่มมาลีกี หากสัมผัสอวัยวะเพศโดยเจตนา หรือหลงลืมโดยไม่มีสิ่งขว่างกั่น ทำให้เสียน้ำละหมาด แต่หากสัมผัสลูกอัณฑะ ทวารหนัก หรือทวารเบาของเด็กไม่ว่าหญิงหรือชายที่ยังไม่บรรลุศาสนาภาวะ ไม่ถือว่าเสียน้ำละหมาด จะเป็นของคนเป็นหรือคนตายก็ตาม
ทัศนะที่ว่า หากการสัมผัสอวัยเพศแล้ว
มีความรู้สึกทางเพศจะเสียน้ำละหมาด แต่หากไม่มีความรู้สึกทางเพศ
จะไม่เสียน้ำละหมาด
โดยอาศัยหะดิษที่รายมาจกท่านฏ็อลกิล จากหลักฐานของทัศนะแรก ที่ว่าอวัยเพศก็เหมือนอวัยวะอื่นๆ ถ้าหากสัมผัสแล้วไม่มีความรู้สึกทางเพศ ก็ไม่เสียน้ำละหมาด เช่นนี้สอดคล้องกับหะดิษที่ท่านรสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “บุคคลใดที่สัมผัสอวัยวะเพศของเขา
เขาจงอาบน้ำละหมาดไหม่”
เชคอัลบานีย์ ร่อฮิมาฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“แท้จริง อวัยวะเพศถือว่าเป็นส่วนหนึ่งจากร่างกายของท่าน เป็นการบ่งบอกถึงสัมผัส(อวัยวะเพศ) ซึ่งไม่วาญิบจะต้องอาบน้ำละหมาดใหม่ หากว่าไม่มีความรู้สึกทางเพศเพราะถือเมือนหนึ่งการสัมผัสอวัยวะร่างกาย”
✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿
จะเป็นการดีไหมครับ หากข้อมูลที่เอามา ได้อ้างอิงมาจากคำฟัตวาของอุลามาฮหรือหนังสือ
ตอบลบ