พระองค์อัลลอฮ์
ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างสัตว์ต่างๆมากมาย เพื่อรับใช้มนุษย์ในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ
ไม่ว่าจะนำมันมาเป็นอาหาร ขนของมันใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม หนังของมันสามารถทำเป็นภาชนะบรรจุอาหารเครื่องดื่ม
หรือนำมาใช้แรงงาน แบ่งเบาภาระให้แก่มนุษย์ ตลอดเป็นเพื่อนแก่เหงาแก่มนุษย์ได้เป็นอย่างดี
พระองค์อัลลอฮฺ
ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
وَالْأَنْعَامَ خَلَقَهَا لَكُمْ فِيهَا دِفْءٌ وَمَنَافِعُ وَمِنْهَا تَأْكُلُونَ ( 5 )
"และปศุสัตว์ พระองค์ทรงสร้างมันในตัวมันมีความอบอุ่นสำหรับพวกเจ้า และประโยชน์มากหลาย และในส่วนหนึ่งจากมันนั้นพวกเจ้าเอามาบริโภคได้"
وَلَكُمْ فِيهَا جَمَالٌ حِينَ تُرِيحُونَ وَحِينَ تَسْرَحُونَ ( 6 )
"และในตัวมันมีความสง่างามสำหรับพวกเจ้า ขณะที่มันกลับจากทุ่งหญ้าและขณะที่นำมันออกไปเลี้ยง"
وَتَحْمِلُ أَثْقَالَكُمْ إِلَىٰ بَلَدٍ لَّمْ تَكُونُوا بَالِغِيهِ إِلَّا بِشِقِّ الْأَنفُسِ إِنَّ رَبَّكُمْ لَرَءُوفٌ رَّحِيمٌ ( 7 )
"และมันแบกสัมภาระหนักของพวกเจ้าไปยังเมืองไกล ๆ โดยที่พวกเจ้าจะไปถึงมันไม่ได้เว้นแต่ด้วยความเหนื่อยยากลำบากใจ แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้านั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ"
وَالْخَيْلَ وَالْبِغَالَ وَالْحَمِيرَ لِتَرْكَبُوهَا وَزِينَةً وَيَخْلُقُ مَا لَا تَعْلَمُونَ ( 8 )
"และม้า และล่อ ละลา เพื่อพวกเจ้าจะได้ขี่มันและเป็นเครื่องประดับ และพระองค์ยังทรงสร้างสิ่งอื่นๆ ที่พวกเจ้าไม่รู้"
(อัลกุรอาน
สูเราะฮฺอันนะห์ลฺ 16:5-8)
เมื่อพระองค์อัลลอฮ์
ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างสัตว์ต่างๆมากมาย เพื่อรับใช้มนุษย์ในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ
มนุษย์ก็ควรปฏิบัติต่อสัตว์เหล่านั้นด้วยดี ไม่ว่าด้วยการมีความเมตตากรุณา ไม่ทรมานหรือทารุณต่อมัน ให้ดูแลมันยามมันเจ็บป่วย ไม่ฆ่ามันนอกจากมีความจำเป็น
ไม่หั่นอวัยวะของมัน ไม่นำมันมาเป็นเป้ายิงหรือขว้าง หรือไม่นำมันมาชนกัน กัดกัน
หรือขวิดกัน เพื่อความสนุกสนาน หรือการพนันของมนุษย์ นอกจากนี้ต้องไม่ปล่อยให้มันอดอยาก
หรือใช้แรงงานมันหนักเกินควร
ท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าว่า
“ผู้ใดที่มีเมตตา แม้แต่จะกับนกตัวเล็กๆ ที่เขาจะเชือดมัน อัลลอฮฺจะทรงเมตตาเขาในวันกิยามะฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัฏฏอบรอนีย์)
ครั้งหนึ่งท่านหยิงอาอิชะฮฺ
ร่อฎียัลลอฮุอันฮา ได้ร่วมเดินทางไปกับท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ขระที่เธอขี่อูฐ เธอดึงมันแรงๆ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
จึงกล่าวว่า
“เธอจงอ่อนโยนกับมันเถิด” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม)
ท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดหั่นตัวอวัยวะสัตว์ขณะมันยังมีชีวิตอยู่ เขาจะถูกสาปแช่งจากอัลลอฮฺ บรรดามาลาอิกะฮฺ และมนุษย์ทั้งมวล” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัฏฏอบรอนีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เล่าให้บรรดาศอหาบะฮฺของท่านฟังว่า
“มีชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน เขากระหายน้ำมาก จึงพยายามค้นหาน้ำเพื่อจะได้ดื่ม จนกระทั้งเขาพบบ่อน้ำ เขาจึงลงไปที่บ่อแล้วดื่มน้ำ เมื่อเขาขึ้นมาจากบ่อ เขาก็พบสุนัขตัวหนึ่งกำลังแลบลิ้นและเลียฝุ่นอยู่ เนื่องจากการกระหายน้ำอย่างมาก
ชายคนผู้นั้นกล่าวว่า
“สุนัขตัวนี้ คงกระหายน้ำอย่างที่ฉันกระหาย”
เขาจึงลงไปในบ่อน้ำอีกครั้ง
และนำรองเท้าของเขามาตักน้ำ แล้วเอาปากคาบมันขึ้นมา
จนกระทั่งเขาขึ้นมาถึงด้านบนของบ่อน้ำ เขาก็เอาน้ำให้สุนัขตัวนั้นดื่ม
ดังนั้นพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา จึงทรงขอบใจเขา และอภัยโทษให้แก่เขา
บรรดาสอหาบะฮฺต่างกล่าวขึ้นว่า
“โอ้รสูลของอัลลอฮฺ สำหรับพวกเราแล้ว การปฏิบัติต่อสัตว์ต่างๆนั้น จะได้รับการตอบแทนด้วยหรือ?”
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า“ในการปฏิบัติต่อทุกสิ่งที่มีตับชื้นๆ(มีชีวิต) นั้นย่อมมีการตอบแทน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ และมุสลิม)
มีหญิงคนหนึ่งต้องตกนรกเพราะกักขังแมวเอาไว้
และไม่ยอมให้น้ำ ให้อาหารแก่มัน
โดยท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“หญิงคนหนึ่งต้องอยู่ในไฟนรก เพราะแมวที่นางได้ล่ามมันเอาไว้ ไม่ให้อาหารมัน และยังไม่ปล่อยให้มันไปหากินแมลงตามพื้นดิน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ และมุสลิม)
ท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นมดฝูงหนึ่งถูกบรรดาศอหาบะฮฺเผา
ท่านจึงถามว่า
“ใครกันที่เผามดพวกนี้”
บรรดาศอหาบะฮฺตอบว่า
“พวกเราเองครับ”
ท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า
“แท้จริง มันไม่เป็นการเหมาะสมเลยที่จะมีผู้ใดที่ลงโทษด้วยไฟ ยกเว้นพระเจ้าของไฟเท่านั้น” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด)
ท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
ครั้งหนึ่งท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้าไปในสวนของชายชาวอันซอรคนหนึ่ง
แล้วท่านก็พบอูฐตัวหนึ่ง เมื่ออูฐตัวนั้นเห็นท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มันก็สะอื้น แล้วน้ำตาก็พรั่งออกมาจากตาทั้งสองของมัน
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงไปหาอูฐตัวนั้น
และลูบที่หลังหูทั้งสองของมัน มันจึงเงียบ ต่อมาท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงสอบถามถึงเจ้าของ
แล้วเด้กหนุ่มชาวอันศอรคนหนึ่งก็มาหาท่านแล้วกล่าวว่า
“ฉันเป็นเจ้าของมันเอง โอ้ท่านรสูลุลลอฮฺ”
แล้วท่านรสูลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็กล่าวว่า
“เจ้าจะไม่ยำเกรงอัลลอฮฺ ตะอาลา ในสัตว์ตัวนี้ ที่พระองค์ทรงให้มันเป็นกรรมสิทธ์ของเจ้าหรือ เพราะแท้จริงมันได้ฟ้องฉันว่า เจ้าปล่อยให้มันหิวโหย ใช้งานมันหนัก และบังคับขู่เข็ญมัน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด)
ครั้งหนึ่ง
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่ระหว่างการเดินทางกับบรรดาศอหาบะฮฺ
บรรดาสอหาบะฮฺพบนกเล็กๆ ตัวหนึ่งกับลูกของมันอีก 2 ตัว พวกเขาได้เอาลูกๆของมันไป
แม่นกจึงบินมาตรงจุดที่บรรรดาศอหาบะฮฺอยู่ แล้วกระพือปีกของมันแรงๆ
เหมือนกับว่ามันกำลังร้องขออะไรสักอย่าง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
เข้าใจถึงสิ่งที่มันต้องการ ท่านกล่าว่า
“ใครกันที่ทำให้มันต้องเจ็บปวด เพราะลูกของมัน พวกท่านจงคืนลูกของมันให้แก่มันเถิด”
(บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด)
ครั้งหนึ่ง
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ผ่านไปเห็นลาตัวหนึ่ง
ใบหน้าของมันมีรอยถุกนาบด้วยไฟ แล้วท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ก้กล่าวว่า
“อัลลอฮฺทรงสาปแช่งผู้ที่นาบมันด้วยไฟ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม)
والله أعلم بالصواب
✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น