อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หะดิษที่รายงานโดยท่านมาลิกเกี่ยวกับดุอาอฺกุนูต




                จากรายงานหะดิษ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยกล่าวดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺ 1 เดือน (รวมถึงอ่านดุอาอฺในละหมาดเวลาอื่น) ขอดุอาอฺต่อพระองค์อัลลอฮฺ ให้พระองค์ทรงจัดการกับพวกอาหรับตำบลหนึ่ง ต่อมาท่านก็เลิกอ่านดุอาอฺกุนูต และไม่เคยปรากฏในแบบฉบับของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เลยว่า ท่านกล่าวดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺตลอดชีวิต

แต่กลับปรากฏว่ามีนักวิชาการส่วนหนึ่ง(นั้นคือผู้ที่ตามทัศนะอิมามชาฟีอีย์ และมาลิกีย์) ได้นำหะดิษหนึ่งที่รายงานจาก ท่านอนัส อิบนิ มาลิก (เป็นเศาะหาบะฮ์,  มีความขัดแย้งในปีสิ้นชีวิตว่า เป็นปี ฮ.ศ. 93 หรือปี ฮ.ศ. 102) มาเป็นหลักฐานในการขอดุอาอ์กุนูตเป็นประจำในทุกเวลาละหมาดศุบฮฺ แม้ขณะนั้นไม่วิกฤตการณ์ใดๆก็ตาม

โดยอาศัยอ้างอิงหะดิษที่รายงานจากท่านอนัส บินมาลิกที่ว่า
 “แท้จริงท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อ่านดุอากุนูตหนึ่งเดือน เพื่อสาปแช่งชนกลุ่มนั้น  หลังจากนั้น ท่านก็ละทิ้งมัน,  อนึ่ง สำหรับการกุนูตในละหมาดศุบฮฺนั้น ท่านยังคงอ่านต่อไปจนท่าน(ตาย)จากโลกนี้ไป”( บันทึกหะดีษโดย ท่านอัล-บัยฮะกีย์ ,อัด-ดารุกุฎนีย์ ,  ท่านอับดุรฺ ร็อซซาก...)

สำหรับหะดิษนี้ประโยคแรกที่ว่า “แท้จริงท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อ่านดุอากุนูตหนึ่งเดือน เพื่อสาปแช่งชนกลุ่มนั้น  หลังจากนั้น ท่านก็ละทิ้งมัน” นั้นสอดคล้องกับหะดิษเศาะเฮียะฮฺที่รายงานจากท่านอนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ

แต่สำหรับประโยคหลังที่ว่า “อนึ่ง สำหรับการกุนูตในละหมาดศุบฮฺนั้น ท่านยังคงอ่านต่อไปจนท่านจากโลกนี้ไป” นั้นมีความขัดแย้งของนักวิชาการหะดิษ โดยนักวิชาการหะดีษจำนวนมากกล่าวว่าเป็นข้อความที่ถูกปฏิเสธความถูกต้อง  หรือที่เรียกตามศัพท์วิชาการหะดีษว่า เป็นข้อความที่ “มุงกัรฺ”  คำว่า หะดีษมุงกัรฺ (مُنْكَرٌ) ซึ่งเป็นหะดีษเฎาะอีฟ 

ในหะดิษนี้รายของอบีญะอฺฟัร อัรรอซีย์ รายงานจากท่านอัรร่อเบียะฮฺ อิบนิ อนัส จากท่านอนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ

ซึ่งท่านอบีญะอฺฟัร อัรรอซีย์ผู้นี้ เป็นผู้ที่ไม่เป็นที่ยอมรับรับในหมู่นักวิชาการหะดิษ

-ท่านอิมามอะหฺมัด อิบนิ ฮัมบัล กล่าวว่า รายงานของอบูญะอฺฟัรเป็นรายงานที่อ่อนหลักฐาน
-ท่านอิบนุลมะดีย์กล่าวถึงอบูญะอฺฟัรว่า “เขาสับสนปนเป”
-ท่านอบูซุรอะฮฺกล่าวถึงอบูญะอฺฟัรว่า “เขาคาดคะเนมาก”
อิบนุฮิบบานกล่าวถึงอบูญะอฺฟัรว่า “เขาไม่เป็นที่ยอมรับ”

ซึ่งข้อความส่วนเกินที่ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมอ่านดุอาอ์กุนูตในละหมาดศุบฮฺนี้ ที่ไม่มีปรากฏในรายงานของ “ผู้ที่เชื่อถือได้” อื่นๆอีกหลายท่าน อาทิเช่น ท่านมุหัมมัด บินซีรีน,  ท่านอนัส บินซีรีน,  ท่านอบูมิจญลัซ,  ท่านเกาะตาดะฮ์,  ท่านหุมัยด์,  ท่านอับดุลอะซีซ บินศุฮัยบ์,  และท่านอาศิม อัล-อะหฺวัล ซึ่งผู้น่าเชื่อถือเหล่านี้ ต่างก็ได้รายงานหะดีษเรื่องท่านนบีย์ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมอ่านกุนูตสาปแช่งพวกอาหรับมุชริกที่ลวงเศาะหาบะฮ์ของท่านไปสังหารที่บิอ์รุมะอูนะฮ์อยู่ 1 เดือน มาจากท่านอนัส บินมาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ ดังการบันทึกของท่านบุคอรีย์,  ท่านมุสลิม ... สอดคล้องกับข้อความในประโยคแรกจากการรายงานของท่านอบูญะอฺฟัรฺ อัรฺ-รอซีย์ ทุกประการ แต่ในรายงานของบรรดาผู้รายงานที่เชื่อถือได้เหล่านี้ ไม่ปรากฏมีข้อความ “ส่วนเกิน” อันเป็นข้อความในประโยคหลัง  ดังการรายงานของท่านอบูญะอฺฟัรฺ อัรฺ-รอซีย์ ซึ่งเป็นผู้รายงานที่ขาดความเชื่อถือแต่อย่างใด

และเมื่อตรวจสอบรายงานจากท่านอนัส อิบนิ มาลิก ปรากฏว่ามีรายงานที่สอดคล้องกันว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตอยู่ 1 เดือน ขอดุอาอฺต่อพระองค์อัลลอฮฺ.ให้พระองค์ทรงจัดการกับพวกอาหรับตำบลหนึ่งที่ลวงเศาะหาบะฮ์ของท่านไปสังหารที่บิอ์รุมะอูนะฮ์ โดยขอดุอาอ์กุนูตในละหมาดเวลาอื่นด้วย ไม่ใช่แต่ในละหมาดศุบฮฺ เช่นในละหมาดมักริบ อีชา เป็นต้น แล้วหลังจากครบ 1 เดือนนั้นแล้ว ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็เลิกอ่านดุอาอ์กุนูตในทุกเวลาละหมาด และยังมีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้สอบท่านอนัส อิบนิ มาลิกว่าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตในละหมาดศุบฮฺตลอดจริงหรือไม่ ท่านก็ตอบว่า พวกเขาเหล่านั้นโกหก ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตอยู่หนึ่งเดือน ขอดุอาอ์ให้อัลลอฮฺทรงจัดการกับพวกอาหรับกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

รายงานจากท่านอนัส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
"ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตอยู่ 1 เดือน ขอดุอาอฺต่อพระองค์อัลลอฮฺ ให้พระองค์ทรงจัดการกับพวกอาหรับตำบลหนึ่ง ต่อมาภายหลังท่านก็เลิก” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ และมุสลิม)

รายงานจากท่านอนัส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
“แท้จริง ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยกุนูตในละหมาดศุบฮฺและละหมาดมักริบ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์)

รายงานจากก้อยสฺ อิบนิร รอเบี๊ยะอฺ จากท่านอาซิม อิบนิ สุลัยมาน เล่าว่า
“พวกเราได้ถามท่าน อิบนิ มาลิก ว่า มีบุคคลกลุ่มหนึ่งอ้างว่าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตในละหมาดศุบฮฺตลอดจริงหรือไม่ ท่านอนัสตอบว่า “พวกเขาโกหก แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตอยู่หนึ่งเดือน ขอดุอาอ์ให้อัลลอฮฺทรงจัดการกับพวกอาหรับกลุ่มหนึ่ง” (บันทึกหะดิษโดยชะบาบะฮฺ)

มีผู้ถามท่านอนัส อิบนิ มาลิก ว่า
 “ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยอ่านดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺบ้างหรือเปล่า? ท่านอนัสตอบว่า ท่านเคยอ่านดุอาอฺกุนูตหลังรุกัวะอฺเป็นเวลาไม่นานนัก” (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ มุสลิม อบูดาวูด)

รายงานจากท่านอาซิม อัลอะฮิวัล เล่าว่า
“ฉันถามท่านอนัส อิบนิ มาลิก ถึงเรื่องกุนูตในละหมาดว่า มีหรือไม่  ท่านอนัสตอบว่า มี ฉันถามท่านอนัสอีกว่า ก่อนหรือหลังรุกั๊วะอฺ ท่านอนัสตอบว่า ก่อนรุกั๊วะอฺ ฉันจึงกล่าวว่า มีคนหนึ่งบอกฉันนว่าท่าน(อนัส)เคยพูดว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตหลังรุกั๊วะอฺ ท่านอนัสตอบว่า คนนั้นพูดผิด ที่จริงฉันพูดว่าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตหลังรุกั๊วะอฺ 1 เดือน” (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)

จากหะดิษ ท่านอนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ จะเห็นได้ชัดเจนว่า ท่านได้กล่าวว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยอ่านดุอาอฺกุนูต เพียง 1 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยอ่าน หลังจากนั้นท่านก็เลิก และท่านอนัสยังปฏิสธชัดเจนว่าผู้ที่ว่าท่านท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมอ่านดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺตลอดชีวิตนั้นพูดโกหก  

และยังมีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าวว่า
“อยู่มาวันหนึ่งท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่อ่านดุอาอฺนี้ (ดุอาอฺกุนูต) ฉันจึงถามท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า ทำไมท่านจึงไม่กล่าว ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงตอบว่า ท่านไม่เห็นหรือว่าพวกนั้น (บรรดาเศาะหาบะฮฺทั้ง 70 ท่าน) ถูกปล่อยตัวแล้ว” 

 ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าเรื่องกุนูตในละหมาดศุบฮฺ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวดุอาอฺกุนูตก็เนื่องจากเมื่อมีเหตุร้ายแรง หรือเรื่อฉุกเฉินเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะเหตุนี้เองท่านอนัสจึงได้ระบุชัดเจนว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวดุอาอาอฺกุนูต 1 เดือน และท่านอบูฮุรอยเราะฮฺก็รายงานไว้ว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อ่านดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺ 1 เดือน ซึ่งทั้งสองรายงานของท่านนั้นไม่ขัดแย้งกัน และเป็นรายงานที่เศาะเฮียะฮฺทั้งคู่

และยังมีหะดิษที่รายงานจากท่านอิกริมะฮฺ จากท่านอิบนิ อับบ๊าส เล่าว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อ่านดุอาอฺกุนูต 1 เดือน ติดๆกันในละหมาดซุฮฺรี อัศรี มักริบ อีชา และศุบฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด)

และจากการยกหลักฐานหะดิษข้างต้น เป็นไปไม่ได้ที่มีการกล่าวว่าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺ หลังจากนั้นท่านเงยศีรษะจากรุกัวะอฺ แล้วกล่าวดุอาอฺกุนูตจนจบ โดยกล่าวดุอาอิกุนูตข้างต้นเสียงดัง และบรรดาเศาะหาบะฮฺกล่าวอามีน และท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวดุอาอฺนี้เป็นประจำ จนกระทั้งจากโลกนี้ไป แล้วเรื่องนี้กลับไม่เป็นทราบกันดีในหมู่ประชาชาติของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นส่วนมากจากประชาชาตินี้ ตลอดจนเศาะหาบะฮฺส่วนใหญ่หรือจะทั้งหมดก็ว่าได้ กลับทำให้เรื่องนี้เงียบหาย จนกระทั้งมีคนกล่าวว่า แท้จริง การอ่านดุอาอฺกุนูตในละหมาดสุบฮินั้นเป็นเรื่องอุรติกรรมขึ้นใหม่

จากท่านอบู มาลิก อัลอัชญะอีย์ เล่าว่า
“ ท่านอุบัยย์เคยนมาซเป็นมะอฺมูมตามท่านรสูลุลลอฮฺขณะเขาอายุได้ประมาณ 16 ปี และเขายังเคยนมาซเป็นมะอฺมูมตามท่านอบูบักร์, ท่านอุมัร และท่านอุษมานอีกด้วย ฉันจึงกล่าวถามท่านอุบัยย์ว่า พวกเขาเหล่านั้นเคยอ่านดุอาอฺกุนูต (ในนมาซศุบหฺ) หรือไม่ ? เขาตอบว่า ไม่เคยเลย โอ้ลูกรัก (ดุอาอฺกุนูตในนมาซศุบหฺนั้น) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ (คืออุตริกรรมในศาสนา) “
ได้มีรายงานจากท่านอิบนุ หิบบาน อัลเคาะฏีบ และอิบนุ คุซัยมะฮฺ โดยถือว่าหะดีษข้างต้นเศาะหี้หฺ (ถูกต้อง)

และยังมีชาวเมืองกุฟะฮฺบางกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมอ่านดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺเลย ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายหรือไม่ก็ตาม กลุ่มนี้ถือว่าการอ่านกุนูตในละหมาดศุบฮฺเป็นบิดอะฮฺ เพราะเป็นเรื่องที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ซึ่งชาวเมืองกุฟะฮฺกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ที่ตามทัศนะของอิมามมอบูฮะนีฟะฮฺ(มัซฮับฮานาฟีย์) เพราะกลุ่มที่ตามท่านของอิมามมอบูฮะนีฟะฮฺพวกเขายังอ่านดุอาอฺกุนูตในยามเกิดวิกฤตการณ์แต่ไม่อ่านดุอาอฺกุนูตในละหมาดศุบฮฺในช่วงเวลาปกติแต่อย่างใด

จึงสรุปได้ว่าบรรดาหะดิษที่ท่านอนัส อิบนิ มาลิก รายงานไว้นั้นสอดคล้องกัน คือ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กุนูตอยู่ 1 เดือน ขอดุอาอฺต่อพระองค์อัลลอฮฺ.ให้พระองค์ทรงจัดการกับพวกอาหรับตำบลหนึ่งที่ลวงเศาะหาบะฮ์ของท่านไปสังหารที่บิอ์รุมะอูนะฮ์ แล้วหลังจากนั้นท่านก็ไม่อ่านอีกเลย สำหรับประโยคหลังที่ว่า “อนึ่ง สำหรับการกุนูตในละหมาดศุบฮฺนั้น ท่านยังคงอ่านต่อไปจนท่านจากโลกนี้ไป” นั้น เป็นข้อความที่ถูกปฏิเสธ ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับรายงานของท่านอนัสในหะดิษเศาะเฮียะฮ์อื่นๆ ที่กล่าวถึงการกุนูตของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งท่านอบีญะอฺฟัร อัรรอซีย์ ผู้รายงานประโยคหลังของหะดิษดังกล่าวนี้ ไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิชาการหะดิษแต่อย่างใด



والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


1 ความคิดเห็น:

  1. ماشاءالله تبارك الله....جزاك الله كل خير وجعله في ميزان حسناتك...لا إله إلا الله سيدنا محمد رسول الله

    ตอบลบ