อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การกล่าวอัศศ่อลาตุคอยรุนมินันเนาว์มฺในอะซานละหมาดศุบฮฺ



ต่อไปนี้เป็นการตอบปัญหาเกี่ยวการกล่าวว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุนมินันเนาว์มฺ”
 ในอะซานละหมาดศุบฮฺ
ให้กล่าวในอะซานครั้งแรกหรือครั้งที่สอง 
ตอบโดย เชค. มุฮัมมัด ซอและฮฺ อัลอุซัยมีน อุละมาอาวุโสจากซาอุดิอาระเบีย

ถาม คำว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุนมินันเนาว์มฺ” นั้นให้กล่าวในอะซานครั้งแรกหรือครั้งที่สอง

ตอบ
พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย คำว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุนมินันเนาว์มฺ” นั้น เป้นคำที่ทุกคนคุ้นเคย ได้ยินอยู่เป็นประจำขณะที่ผู้ทำอะซานได้อะวานบอกเวลาละหมาดศุบฮฺ จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าคำนี้ถูกกล่าวไว้ในอะซานครั้งแรก และคำว่าว่าอะซานครั้งแรกก็คือ การอะซานหลังเข้าเวลาละหมาดแล้ว ส่วนอะซานครั้งที่สองนั้นคือ การอิกอมะฮฺ เพราะอิกอมะฮฺนั้นถูกเรียกว่า อะซาน เหมือนกัน เช่น ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“ระหว่างทุกการอะซาน 2 ครั้ง (คือระหว่างอะซานกับอิกอมะฮฺ) นั้นให้มีการละหมาด” 

และมีบันทึกในเศาะเฮียะฮฺบุคอรีย์ว่า
“ท่านอุสมาน อิบนิ อัฟฟาน ร่อฎียัลลอฮุอันฮุม เพิ่มอะซานครั้งที่ 3 ในละหมาดวันศุกร์ (หมายถึงมีอะซาน 2 ครั้ง และอิกอมะฮฺ 1 ครั้ง รวมเป็น 3)” 

ดังนั้น การอะซานที่มุอัซซินกล่าวคำว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุนมินันเนาว์มฺ” นั้นคือ การอะซานเพื่อละหมาดศุบฮฺหลังจากเข้าเวลาแล้วนั้น นั้นแหละที่เป็นอะซานครั้งแรก

สำหรับการอะซานก่อนแสงอรุณขึ้นนั้น ไม่ใช่การอะวานสำหรับละหมาดศุบฮฺ เพราะยังไม่เข้าเวลา ไม่ใชการอะซานสำหรับละหมาดศุบฮฺ เพราะยังไม่เข้าเวลา แต่เป็นการอะซานช่วงท้ายของยามค่ำคืน

 ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ท่านบิล้าลกล่าวอะซานช่วงค่ำคืน เพื่อปลุกคนที่นอนหลับ และเพื่อแจ้งให้ผู้ที่ละหมาดอยู่ได้กลับบ้าน”

คืออะซานก่อนเวลาเพื่อคนที่นอนหลับอยู่จะได้ลุกขึ้นมารับประทานอาหารสะฮูร และผู้ที่ละหมาดอยู่ก็จะได้กลับไปรับประทานอาหารสะฮุร การอะซานครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับละหมาดศุบฮฺ แต่มีผู้คนเรียกว่าอะซานครั้งแรก จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด

การอะซานครั้งแรก สำหรับละหมาดจะต้องอะซานภายหลังจากเข้าเวลาละหมาดแล้ว เพราะท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

“เมื่อเข้าเวลาละหมาดแล้ว ก็ให้มีคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่าน อะซานเพื่อการละหมาดของพวกท่านเถิด”

เป็นที่ทราบกันดีว่า จะยังไม่เข้าเวลาละหมาดศุบฮฺนอกจากให้มีแสงอรุณขึ้นเสียก่อน และการอะซานก่อนแสงอรุณขึ้น ไม่ใช่อะซานสำหรับละหมาดศุบฮฺ

ดังนั้นการกล่าวคำว่า “อัศศ่อลาตุคอยรุนมินันเนาว์มฺ” ในอะซานครั้งแรกของละหมาดศุบฮิหลังจากเข้าเวลาแล้ว ตามที่ปฏิบัติอยู่ทั่วไปทั่วทุกแห่งในโลก จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง คือให้กล่าวในอะซานครั้งแรก ส่วนอะวานที่ 2 ก็คือ การอิกอมะฮฺ ตามหลักฐานจากหะดิษที่กล่าวไว้ข้างต้น

ส่วนผู้ที่เข้าใจว่าอะซานแรกดังที่ระบุอยู่ในหะดิษนั้น คืออะซานที่มาก่อนแสงอรุณขึ้นนั้น เขาผู้นั้นไม่มีส่วนใดๆเลยในการพินิจพิจารณาอันเป็นที่ยอมรับ...

والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น