อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ภายหลังเงยจากรุกัวะอฺให้ยืนตรงไม่ใช่กอดอก




                หลักฐานชี้ชัดจากการรายงานหะดิษว่า เมื่อท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เงยศีรษะขึ้นจากรุกัวะอฺในละหมาด ท่านยืนตรง ไม่ได้กอดอก หรือกระทำการอื่นใด

รายงานจากท่านอัมร์ บุตรของอะฏออ์ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุม เล่าว่า
เมื่อทท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เงยศีรษะ(ขึ้นจากรุกัวะอฺ) ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ยืนตรง จนกระทั่งข้อต่อกระดูกทุกส่วนอยู่ในตำแหน่งของมัน (หะดิษเศะเฮียะฮฺ... บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ หะดิษเลขที่ 785 อัตติรฺมีซีย์ หะดิษเลขที่ 280 อิบนุมาญะฮฺ หะดิษเลขที่ 853 และอะหฺมัด หะดิษเลขที่ 22493)

จากหะดิษได้อธิบายจัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่ต้องตีความใดๆ ว่าหลังจากท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เงยศีรษะขึ้นจากรุกัวะอฺ ท่านก็ยืนตรง และหะดิษยังอธิบายอีกว่า การยืนตรงของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ยืนตรงจนกระทั่งข้อต่อกระดูกทุกส่วนอยู่ในตำแหน่งเดียวของมัน นั้นคือข้อต่อทุกส่วนอยู่ตำแหน่งเดิมตามปกติ ไม่มีการคดโค้งงอ ไม่เอียง หรือบิดเบี้ยว หากมีการกอดอกก็ไม่ถือว่ายืนตรง และกระดูกส่วนที่แขนเมื่อกอดอกข้อต่อของข้อศอกหรือตรงข้อมือก็จะไม่อยู่ตรงตำแหน่งเดิมอย่างที่เราเอามือแนบกับลำตัว และตามปกติของการยืนตรงมือจะแนบตรงกับลำตัว ไม่มีการเอามือไว้ด้านหน้าหรือด้านหลัง หรือยกขึ้นแต่อย่างใด

ซึ่งทัศนะที่ว่าเมื่อเงยศีรษะขึ้นจากรุกัวะอฺนั้น ให้นำมือมากอดอกเสมือนการกอดอกก่อนจะรุกัวะอฺ โดยนำหลักฐานอ้างอิง จากหะดิษบทหนึ่งว่า

เมื่อท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ยืนในสภาพที่ละหมาด ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม จะวางมือขวาทับมือซ้าย (หนังสือ อัลญามิอุ ลิอะหฺกาม ฟิกฮุสสุนนะฮฺ เล่ม 1 หน้า 347)

ซึ่งพวกเขาอธิบายว่า ให้ผู้ละหมาดอยู่ในสภาพที่ยืนหรือหลังรุกัวะอฺ ในสภาพที่ยืนเช่นนี้ ก็ให้ผู้ละหมาดกอดอกโดยเอามือขวาทับบนมือซ้าย

ซึ่งตามกิริยาบทดังกล่าว อันที่จริงแล้วเป็นกรณีท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ยืนเมื่อเข้าเวลาละหมาด ก่อนจะรุกัวะอฺเท่านั้น แต่กรณีการยืนหลังจากกการรุกัวะอฺนั้นมีหะดิษระบุเฉพาะเจาะจงดังหะดิษที่กล่าวมาข้างต้นอยู่แล้วว่า "ให้ยืนตรง"

และอันเนื่องจากเรื่องละหมาดเป็นเรื่องที่ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กระทำไว้อย่างชัดเจน บรรดาศอหาบะฮฺเห็น และร่วมละหมาดกับท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม มาโดยตลอด พร้อมทั้งจดจำรูปแบบการละหมาดของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม อย่างครบถ้วน ดังนั้นการเงยจากรุกัวะอฺ หากท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม นำมือมากอดอก เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการกระทำของบรรดาศอหาบะฮฺ หรือเป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีรายงานหะดิษมาถึงชนยุคหลัง


والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น