อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อัลกุรอานว่าด้วยผู้หญิงมีความจำด้อยกว่าผู้ชาย



       เมื่อศัตรูอิสลามพยายามพิสูจน์ว่าในคัมภีร์กุรอานมีความขัดแย้งกันภายใน อย่างพวกเขากล่าวว่าในคำเทศนาในการทำอัจญ์อำลาของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ที่ท่านกล่าวว่า มนุษย์ทุกคนมาจากอาดัม และอาดัมมาจากดิน ตามหลักการนี้ผู้หญิงก็ต้องมีฐานะเช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ในทางปฏิบัติไม่ใช่เช่นนนั้น ศัตรูของคัมภีรฺกุรอานชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงในสังคมอิสลามมีฐานะต่ำกว่าผู้ชาย หลังจากนั้นพวกเขาก็ยกความจริงขึ้นมอ้างว่า การให้การเป็นพยานของผู้หญิง 2 คน เท่ากับผู้ชาย 1 คน เป็นเรื่องจริงที่เป็นเช่นนั้น แต่นั้นก็เฉพาะในบางสถานการณ์เท่านั้น

ตามที่อัลกุรอานกล่าวไว้อย่างชัดเจน กล่าวถึงการบันทึกเรื่องหนี้สินเป็นลายลักษณ์อักษร
พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِذَا تَدَايَنتُم بِدَيْنٍ إِلَىٰ أَجَلٍ مُّسَمًّى فَاكْتُبُوهُ وَلْيَكْتُب بَّيْنَكُمْ كَاتِبٌ بِالْعَدْلِ وَلَا يَأْبَ كَاتِبٌ أَن يَكْتُبَ كَمَا عَلَّمَهُ اللَّهُ فَلْيَكْتُبْ وَلْيُمْلِلِ الَّذِي عَلَيْهِ الْحَقُّ وَلْيَتَّقِ اللَّهَ رَبَّهُ وَلَا يَبْخَسْ مِنْهُ شَيْئًا فَإِن كَانَ الَّذِي عَلَيْهِ الْحَقُّ سَفِيهًا أَوْ ضَعِيفًا أَوْ لَا يَسْتَطِيعُ أَن يُمِلَّ هُوَ فَلْيُمْلِلْ وَلِيُّهُ بِالْعَدْلِ وَاسْتَشْهِدُوا شَهِيدَيْنِ مِن رِّجَالِكُمْ فَإِن لَّمْ يَكُونَا رَجُلَيْنِ فَرَجُلٌ وَامْرَأَتَانِ مِمَّن تَرْضَوْنَ مِنَ الشُّهَدَاءِ أَن تَضِلَّ إِحْدَاهُمَا فَتُذَكِّرَ إِحْدَاهُمَا الْأُخْرَىٰ وَلَا يَأْبَ الشُّهَدَاءُ إِذَا مَا دُعُوا وَلَا تَسْأَمُوا أَن تَكْتُبُوهُ صَغِيرًا أَوْ كَبِيرًا إِلَىٰ أَجَلِهِ ذَٰلِكُمْ أَقْسَطُ عِندَ اللَّهِ وَأَقْوَمُ لِلشَّهَادَةِ وَأَدْنَىٰ أَلَّا تَرْتَابُوا إِلَّا أَن تَكُونَ تِجَارَةً حَاضِرَةً تُدِيرُونَهَا بَيْنَكُمْ فَلَيْسَ عَلَيْكُمْ جُنَاحٌ أَلَّا تَكْتُبُوهَا وَأَشْهِدُوا إِذَا تَبَايَعْتُمْ وَلَا يُضَارَّ كَاتِبٌ وَلَا شَهِيدٌ وَإِن تَفْعَلُوا فَإِنَّهُ فُسُوقٌ بِكُمْ وَاتَّقُوا اللَّهَ وَيُعَلِّمُكُمُ اللَّهُ وَاللَّهُ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمٌ ( 282 ) 

"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าต่างมีหนี้สินกันจะด้วยหนี้สินใด ๆก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลา(ใช้หนี้) ที่ถูกระบุไว้แล้ว ก็จงบันทึกหนี้สินนั้นเสีย และผู้เขียนก็จงบันทึกระหว่างพวกเจ้าด้วยความเที่ยงธรรม และผู้เขียนคนหนึ่งคนใดก็จงอย่าปฏิเสธที่จะบันทึก ดังที่อัลลอฮ์ได้ทรงสอนเขา ดังนั้นเขาจงบันทึกเถิด และจงให้ผู้ที่มีสิทะเหนือเขา(ลูกหนี้) บอกให้บันทึกและเขาจงยำเกรงอัลลอฮ์ผู้เป็นพระเจ้าของเขา และจงอย่าให้บกพร่องแต่อย่างใดจากสิทธินั้น และถ้าผู้มีสิทธิเหนือเขา(ลูกหนี้) เป็นคนโง่ หรือเป็นผู้อ่อนแอหรือไม่สามารถจะบอกให้บันทึกได้ ก็จงให้ผู้ปกครองของเขาบอกด้วยความเที่ยงธรรม และพวกเจ้าจงให้มีพยานขึ้นสองนายจากบรรดาผู้ชายในหมู่พวกเจ้า แต่ถ้ามิปรากฏว่า พยานทั้งสองนั้นเป็นชายก็ให้มีผู้ชายหนึ่งกับผู้หญิงสองคน จากผู้ที่พวกเจ้าพึงใจในหมู่พยานทั้งหลาย เพื่อว่าหญิงใดในสองคนนั้นหลงไป คนหนึ่งในสองคนนั้นก็จะได้เตือนอีกคนหนึ่ง และบรรดาพยานนั้นก็จงอย่าได้ปฏิเสธ เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้อง และพวกเจ้าจงอย่าเบื่อหน่ายที่จะบันทึกหนี้สินนั้นไม่ว่าน้อยหรือมากก็ตาม จนกว่าจะถึงกำหนดเวลาของมัน นั่นแหละคือสิ่งที่ยุติธรรมยิ่งกว่า ณ ที่อัลลอฮ์ และเที่ยงตรงยิ่งกว่าสำหรับเป็นหลบักฐานยืนยัน และเป็นสิ่งใกล้ยิ่งกว่าที่พวกเจ้าจะไม่สงสัย นอกจากว่ามันเป็นสินค้าที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า ซึ่งพวกเจ้าหมุนเวียนมัน (ซื้อขายแลกเปลี่ยน) ระหว่างพวกเจ้าก็ไม่มีโทษอันใดแก่พวกเจ้าที่พวกเจ้าจะไม่บันทึกมัน และพวกเจ้าจงให้มีพยานขึ้น เมื่อพวกเจ้าต่างซื้อขายกัน และผู้เขียนก็จงอย่าก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น และผู้เป็นพยานด้วย และหากว่าพวกเจ้ากระทำ แน่นอนมันก็เป็นการฝ่าฝืนเนื่องด้วยพวกเจ้า และพวกเจ้าจงพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และอัลลอฮ์นั้นทรงให้ความรู้แก่พวกเจ้าอยู่ และอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-บาเกาะเราะฮฺ 2:282)

อายะฮฺอัลกุรอานนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพื้นฐาน คือการไม่แบ่งแยกกันระหว่างเพศ แต่เป็นข้อผ่อนปรนที่มีขึ้นเพื่อความสามารถในความจำที่ด้อยกว่าของผู้หญิง ซึ่งความจริงทางด้านชีววิทยาของผู้หญิงที่มีความจำไม่เหมือนผู้ชาย นี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมถ้าคำให้การยืนยันเป็นพยานของผู้หญิงจะเป็นที่ยอมรับในกรณีของการกู้เงินก็จะต้องมี 2 คน ทั้งนี้ เพื่อที่ว่าหลังจากนั้น หากต้องการหลักฐานยืนยัน คนหนึ่งคนใดใน 2 คน ก็สามารถที่จะช่วยเตือนความจำของอีกคนหนึ่งได้

ในการศึกษาวิจัยในสมัยใหม่ได้ยืนยันสิ่งที่คัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวไว้ว่า ความจำของผู้หญิงนั้นด้อยกว่าของผู้ชาย

นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย หลายคนได้พูดถึงเรื่องนี้ในรายละเอียดและบทสรุปของพวกเขาก็ได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือแล้ว บทสรุปตอนหนึ่งในบทความเรื่อง “Memorizing Ability” (ความสามารถในการจำ) ซึ่งปรากฏในนิตยสาร Times of India ฉบับนิวเดลฮี วันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1985 กล่าวว่า

ผู้ชายมีความสามารถในการจำและทำข้อมูลทางคณิตศาสตร์ได้ดีกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงดีกว่าในเรื่องของคำพูด นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียตกล่าว (ยูพีไอ)

ผู้ชายเหนือกว่าในวิชาคณิตศาสตร์ เนื่องจากความสามารถทางด้านการจำของพวกเขา ดร.วลาดิเมียร์ โคโนวาลอฟ บอกกับสำนักข่าวทาส

แต่ในเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เกี่ยวกับการเป็นพยานเรื่องหนี้สิน ในอัลกุรอาน มีไม่น้อยกว่า 3 แห่ง ที่พูดเกี่ยวกับพยาน โดยไม่ระบุว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง อย่างกรณีพยานในขณะที่ทำพินัยกรรมมรดก ให้มีพยานที่ยุติธรรม 2 คน โดยไม่ระบุว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا شَهَادَةُ بَيْنِكُمْ إِذَا حَضَرَ أَحَدَكُمُ الْمَوْتُ حِينَ الْوَصِيَّةِ اثْنَانِ ذَوَا عَدْلٍ مِّنكُمْ أَوْ آخَرَانِ مِنْ غَيْرِكُمْ إِنْ أَنتُمْ ضَرَبْتُمْ فِي الْأَرْضِ فَأَصَابَتْكُم مُّصِيبَةُ الْمَوْتِ تَحْبِسُونَهُمَا مِن بَعْدِ الصَّلَاةِ فَيُقْسِمَانِ بِاللَّهِ إِنِ ارْتَبْتُمْ لَا نَشْتَرِي بِهِ ثَمَنًا وَلَوْ كَانَ ذَا قُرْبَىٰ وَلَا نَكْتُمُ شَهَادَةَ اللَّهِ إِنَّا إِذًا لَّمِنَ الْآثِمِينَ ( 106 ) 
"ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การเป็นพยานระหว่างพวกเจ้า-เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้า ขณะมีการทำพินัยกรรมนั้น-คือสองคนที่เป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า หรือคนอื่นสองคนที่มิใช่ในหมู่พวกเจ้า หากพวกเจ้าได้เดินทางไปในผืนแผ่นดินแล้วได้มีเหตุภัยแห่งความตายประสบกับพวกเจ้าโดยที่พวกเจ้าจะต้องกักตัวเขาทั้งสองไว้หลังจากละหมาด แล้วทั้งสองนั้นก็จะสาบานต่ออัลลอฮ์-หากพวกเจ้าสงสัย -ว่าเราจะไม่นำการสาบานนั้นไปแลกเปลี่ยนกับราคาใด ๆ และแม้ว่าเขา จะเป็นญาติใกล้ชิดก็ตาม และเราจะไม่ปกปิดหลักฐานของอัลลอฮ์ (ถ้ามิเช่นนั้น)แน่นอนทันใดนั้นเองเราก็จะอยู่ในหมู่ผู้ที่กระทำบาป"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ 5:106)

พยานกรณีการหย่า ให้มีพยานสองคนที่เป็นธรรม โดยไม่ระบุว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

فَإِذَا بَلَغْنَ أَجَلَهُنَّ فَأَمْسِكُوهُنَّ بِمَعْرُوفٍ أَوْ فَارِقُوهُنَّ بِمَعْرُوفٍ وَأَشْهِدُوا ذَوَيْ عَدْلٍ مِّنكُمْ وَأَقِيمُوا الشَّهَادَةَ لِلَّهِ ذَٰلِكُمْ يُوعَظُ بِهِ مَن كَانَ يُؤْمِنُ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ وَمَن يَتَّقِ اللَّهَ يَجْعَل لَّهُ مَخْرَجًا ( 2 ) 

"ต่อเมื่อพวกนางได้อยู่จนครบกำหนดของพวกนางแล้ว ก็จงยับยั้งพวกนางให้อยู่โดยดี หรือให้พวกนางจากไปโดยดี และจงให้มีพยานสองคนเป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า และจงให้การเป็นพยานนั้นเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺ ดังกล่าวมานั้นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺจะถูกตักเตือนให้ถือปฏิบัติและผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัฏ-เฏาะลาก 65:2)

พยานกรณีกล่าวหาหญิงบริสุทธิ์ ต้องมีพยาน 4 คน โดยไม่ระบุว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَالَّذِينَ يَرْمُونَ الْمُحْصَنَاتِ ثُمَّ لَمْ يَأْتُوا بِأَرْبَعَةِ شُهَدَاءَ فَاجْلِدُوهُمْ ثَمَانِينَ جَلْدَةً وَلَا تَقْبَلُوا لَهُمْ شَهَادَةً أَبَدًا وَأُولَٰئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ ( 4 ) 

"และบรรดาผู้กล่าวโทษบรรดาหญิงบริสุทธิ์ แล้วพวกเขามิได้นำพยานสี่คนมา พวกเจ้าจงโบยพวกเขาแปดสิบที และพวกเจ้าอย่ารับการเป็นพยานของพวกเขาเป็นอันขาด ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอันนูร 24:4)

وَالَّذِينَ يَرْمُونَ أَزْوَاجَهُمْ وَلَمْ يَكُن لَّهُمْ شُهَدَاءُ إِلَّا أَنفُسُهُمْ فَشَهَادَةُ أَحَدِهِمْ أَرْبَعُ شَهَادَاتٍ بِاللَّهِ إِنَّهُ لَمِنَ الصَّادِقِينَ ( 6 ) 

"และบรรดาผู้กล่าวโทษภรรยาของพวกเขา และสำหรับพวกเขาไม่มีพยานนอกจากตัวของพวกเขาเอง ก็ให้การเป็นพยานของคนหนึ่งในพวกเขากล่าวสาบานสี่ครั้ง ด้วยพระนามของอัลลอฮ์แท้จริงเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้พูดจริง"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอันนูร 24:6)

และอย่างกรณีที่การรายงานหะดิษ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา เป็นพยานเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะได้รับหะดิษ ท่านได้บอกเล่าหะดิษไม่น้อยกว่า 2,220 หะดิษ ซึ่งถือว่าเชื่อถือได้โดยตัวของนางเพียงผู้เดียว หรือในเรื่องอื่นๆ เช่น การเป็นพยานในการเห็นจันทร์เสี้ยวในการเริ่มต้นและสิ้นสุดของเดือนรอมาฎอน จำเป็นต้องมีพยาน 2 คน โดยไม่คำนึงว่าพยานจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
ยกเว้นกรณีเป็นพยานในคดีฆาตกรรม ซึ่งนักวิชาการบางท่านมีความเห็นว่าผู้หญิงอาจมีความหวาดกลัวมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงอาจมีสภาพอารมณ์สับสน จึงให้พยานที่เป็นผู้หญิง 2 คน เท่ากับพยานที่เป็นผู้ชาย 1 คน

กฎของอัลกุรอานที่ไม่มีความขัดแย้งใดๆ ได้พิสูจน์ความจริงว่า อัลกุรอานมาจากพระเจ้าองค์เดียว ผู้ทรงมีความรู้เรื่องความจริงอย่างสมบูรณ์ พระองค์ทรงเห็นทุกสิ่งจากทุกมุม ดังนั้น พระองค์จึงทรงอยู่ในฐานะที่จะออกคำบัญชาที่มีความสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์กับธรรมชาติ


والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น