อัส-สิห์รฺ (ไสยศาสตร์) คือ ของขลัง เวทมนตร์ และ การผูกเงื่อน ที่มีผลต่อหัวใจและร่างกาย
ไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายโดยสมบูรณ์ เป็นความอธรรม การทำร้าย การละเมิด และล่วงล้ำสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นต่อร่างกายของเขา ทรัพย์สินของเขา ปัญญาของเขา หรือ ความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่น
อัล-มัสส์ (การถูกสิง) คือ การที่ญินเข้าสิงสู่ในร่างกายของมนุษย์
สภาพของญินกับมนุษย์
ญิน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ถูกใช้และถูกห้าม พวกเขามีทั้งความดีและความชั่ว มีทั้งบุญและบาป
1. มนุษย์คนใด ได้สั่งใช้มนุษย์ด้วยกันและสั่งใช้ญิน ด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺได้มีคำสั่งและเราะสูลของพระองค์ได้สั่งสอน เช่นการเชิญชวนเรียกร้องสู่อัลลอฮฺ สั่งให้ทำความดี ห้ามไม่ให้ทำชั่ว คนผู้นั้นย่อมเป็นหนึ่งในบรรดาวะลีย์ผู้ใกล้ชิดอัลลอฮฺที่ประเสริฐที่สุด
2. ใครที่ใช้ญินในสิ่งที่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ห้าม ไม่ว่าจะเป็นในสิ่งที่เกี่ยวกับการตั้งภาคี การฆ่าผู้บริสุทธิ์ หรือทำร้ายเขา หรือจะเป็นในสิ่งที่ชั่วร้ายและสกปรก แสดงว่าเขาได้อาศัยความช่วยเหลือของญินในการทำบาปและการละเมิด
3. ใครที่อาศัยญินให้ช่วยเหลือในเรื่องที่เขาคิดว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ นั่นแสดงว่าเขาเป็นผู้ที่ถูกหลอกลวงโดยญินเสียเอง
4. ใครที่อาศัยญินให้ช่วยเหลือในเรื่องที่เป็นมุบาห์ (อนุญาตให้ทำแต่เดิม) กรณีนี้เขาถูกห้าม เพราะไม่มีหลักฐานปรากฏในบทบัญญัติของศาสนา
สาเหตุของการถูกสิง
การถูกสิงอาจจะเกิดขึ้นโดยตรงจากฝ่ายญิน เช่น ความปรารถนา ความใคร่ ความชมชอบของญินต่อมนุษย์ เช่นที่มนุษย์ด้วยกันมีความชมชอบ หรืออาจจะเกิดมาจากที่ญินโกรธและต้องการแก้แค้นมนุษย์ที่ทำให้พวกมันเดือดร้อน อาจจะเกิดจากการที่มนุษย์ไปฆ่าพวกมัน หรือ เทน้ำร้อนใส่ หรือ ปัสสาวะใส่ (ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม) และบางครั้งก็อาจจะเกิดจากความเกเรของญินบางตัว เหมือนที่ในหมู่มนุษย์ด้วยกันก็มีคนชั่วอยู่
การรักษาผู้ป่วยที่โดนไสยศาสตร์และถูกสิง
การรักษานี้มีสองกรณี
กรณีที่หนึ่ง ถ้าหากรู้สถานที่ซ่อนของสิ่งที่ใช้ทำไสยศาสตร์ กรณีนี้ให้นำมันออกมาทำลายเสีย แล้วผลของไสยศาสตร์นั้นก็จะหมดไปด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ กรณีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาผู้ถูกไสยศาสตร์ สถานที่ดังกล่าวอาจจะรู้ได้ด้วยการฝันเมื่อหลับนอน หรืออัลลอฮฺประทานให้เห็นในขณะที่ค้นหา หรือจากการบอกของญินที่สิงร่างผู้ป่วยอยู่เมื่อมีการอ่านปัดเป่าผู้ป่วยด้วยดุอาอ์ต่างๆ
จากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ถูกทำไสยศาสตร์ จนกระทั่งท่านรู้สึกเหมือนว่าจะได้ร่วมหลับกับภรรยาของท่าน แต่ท่านก็ไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
สุฟยาน ผู้รายงานหะดีษกล่าวว่า นี่เป็นคุณไสยที่หนักมากถ้าหากมันเป็นเช่นนั้น
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวแก่อาอิชะฮฺว่า
«يَا عَائِشَةُ، أَعَلِـمْتِ أَنَّ الله قَدْ أَفْتَانِي فِيْـمَا اسْتَفْتَيْتُـهُ فِيهِ؟ أَتَانِي رَجُلانِ فَقَعَدَ أَحَدُهُـمَا عِنْدَ رَأْسِي، وَالآخَرُ عِنْدَ رِجْلَيَّ. فَقَالَ الَّذِي عِنْدَ رَأْسِي لِلآخَرِ: مَا بَالُ الرَّجُلِ؟ قَالَ: مَطْبُوبٌ، قَالَ: وَمَنْ طَبَّهُ؟ قَالَ: لَبِيدُ بنُ الأَعْصَمِ رَجُلٌ مِنْ بَنِي زُرَيْقٍ حَلِيفٌ لِيَـهُودَ كَانَ مُنَافِقاً، قَالَ: وَفِيمَ؟ قَالَ: فِي مُشْطٍ وَمُشَاطَةٍ، قَالَ: وَأَيْنَ؟ قَالَ: فِي جُفِّ طَلْعَةِ ذَكَرٍ تَـحْتَ رَعُوفَةٍ فِي بِئْرِ ذَرْوَانَ» قَالَتْ: فَأَتَى النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم البِئْرَ حَتَّى اسْتَـخْرَجَهُ... متفق عليه
ความว่า "โอ้ อาอิชะฮฺ เจ้ารู้หรือไม่ว่าแท้จริงอัลลอฮฺได้ให้คำตอบแก่ฉันในสิ่งที่ฉันได้ขอต่อพระองค์แล้ว ได้มีชายสองคนมายังฉัน คนหนึ่งนั่งที่หัวฉัน อีกคนนั่งที่เท้าฉัน คนที่นั่งที่หัวฉันถามคนที่นั่งที่เท้าฉันว่า 'เขาเป็นอะไร?'
อีกคนจึงตอบว่า 'เขาถูกทำคุณไสย'
คนแรกถามต่อว่า 'ใครทำเขา?'
คนที่สองก็ตอบว่า 'ละบีด อิบนุ อัล-อะอฺศ็อม จากเผ่าซุร็อยก์ เป็นพวกที่สนับสนุนยิว เขาเป็นมุนาฟิก'
คนแรกถามอีกว่า 'เขาทำกับอะไร?'
คนที่สองตอบว่า 'ใช้หวีและเส้นผมที่ร่วงหล่น'
คนแรกถามต่อไปอีกว่า 'แล้วมันอยู่ที่ไหน?'
อีกคนตอบว่า 'อยู่ในเปลือกทะลายต้นอินทผลัมตัวผู้ ใต้ก้อนหินในบ่อซัรวาน'
แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้ไปยังบ่อนั้นเพื่อนำเอามันออกมา ...
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 5765 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน และ มุสลิม 2189)
กรณีที่สอง เมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่ใช้ทำไสยศาสตร์นั้นอยู่ที่ไหน กรณีนี้ให้รักษาด้วยสองวิธี คือ
1. การเป่ารักษาตามหลักศาสนา ซึ่งประกอบด้วยเงื่อนไขสามประการคือ ต้องใช้อัลกุรอานอันเป็นพระดำรัสของอัลลอฮฺ หรือใช้คำพูดของท่านรอซูลของพระองค์ ต้องเป็นภาษาอาหรับหรือภาษาอื่นๆ ที่ฟังเข้าใจความหมาย และต้องไม่เชื่อว่าการเป่านั้นมีผลโดยตัวมันเองแต่ผลที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอำนาจแห่งเดชานุภาพของอัลลอฮฺตะอาลา
2. การใช้ยาและโอสถที่อนุโลมให้ใช้ตามหลักศาสนา เช่น น้ำผึ้ง อินทผลัมอัจญ์วะฮฺ เทียนดำ(หับบะฮฺ อัส-เสาดาอ์) การกรอกเลือด เป็นต้น
จากอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า:
«الشِّفَاءُ فِي ثَلاثَةٍ: فِي شَرْطَةِ مِـحْجَـمٍ، أَوْ شَرْبَةِ عَسَلٍ، أَوْ كَيَّةٍ بِنَارٍ، وَأَنْـهَى أُمَّتِي عَنِ الكَيِّ». أخرجه البخاري.
ความว่า "การหายจากโรคนั้นอยู่ในของสามสิ่ง คือ การกรอกเลือด การดื่มน้ำผึ้ง และการจี้ด้วยไฟ และฉันห้ามประชาชาติของฉันจากการจี้ด้วยไฟ" (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 5681)
จากอบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
«مَـنْ تَصَبَّحَ بِسَبْعِ تَـمَـرَاتٍ عَجْوَةً لَـمْ يَضُرُّهُ ذَلِكَ اليَومَ سُـمٌّ وَلا سِحْــرٌ». متفق عليه. وفي رواية لمسلم: «مَنْ أَكَلَ سَبْعَ تَـمَـرَاتٍ مِـمَّا بَيْنَ لابَتَيْـهَا حِينَ يُصْبِـحُ لَـمْ يَضُرَّهُ سُمٌّ حَتَّى يُـمْسِيَ».
ความว่า "ผู้ใดที่ตื่นเช้าด้วยการกินอินทผลัม อัจญ์วะฮฺ เจ็ดผล จะไม่มีพิษและไสยศาสตร์ใดๆ ทำร้ายเขาได้ในวันนั้น" (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 5769 และ มุสลิม 2047 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)
ในสายรายงานหนึ่งของมุสลิมมีว่า "ผู้ใดที่กินอินทผลัมจากเมืองที่อยู่ระหว่างสองเขานี้(หมายถึงเมืองมะดีนะฮฺ)จำนวนเจ็ดผลในตอนเช้า จะไม่มีพิษใดๆ ทำร้ายเขาได้จนกระทั่งเย็น"
จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่าได้ฟังท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
«إنَّ فِي الحَبَّةِ السَّودَاءِ شِفَاءً مِنْ كُلِّ دَاءٍ إلَّا السَّامَ». متفق عليه.
ความว่า "แท้จริง ในหับบะฮฺ อัส-เสาดาอ์ (เทียนดำ) นั้น มีการบำบัดจากทุกโรคยกเว้นความตาย" (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 5688 และ มุสลิม 2215 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)
จาก อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ احْتَـجَـمَ لِسَبْعَ عَشْرَةَ، وَتِسْعَ عَشْرَةَ، وَإحْدَى وَعِشْرِينَ كَانَ شِفَاءً مِنْ كُلِّ دَاءٍ». أخرجه أبو داود.
ความว่า "ผู้ใดที่กรอกเลือดในวันที่สิบเจ็ด สิบเก้า และยี่สิบเอ็ด ของเดือน มันจะเป็นการรักษาจากทุกโรค(หมายถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบโลหิต ทั้งนี้มีการอธิบายว่าในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการกรอกเลือด เพราะเลือดในร่างกายมีจำนวนที่สมดุล ดู เอานุลมะอฺบูด - ผู้แปล)" (หะดีษ หะสัน บันทึกโดย อบู ดาวูด 3861 ดู เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ 5968)
ให้ผู้ที่จะทำการเป่ารักษาอาบน้ำละหมาดก่อน จากนั้นให้เริ่มด้วยการอ่านอัลกุรอานที่เขาอ่านได้บนหน้าอกของผู้ป่วย หรือตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยการอ่านช้าๆ และให้เป่าไปยังผู้ป่วย อายะฮฺที่ส่งเสริมให้อ่านก็คือ สูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺ, อายะฮฺ อัล-กุรสีย์, ส่วนท้ายของสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ, สูเราะฮฺ อัล-กาฟิรูน, สูเราะฮฺ อัล-อิคลาศ, อัล-ฟะลัก และ อัน-นาส รวมทั้งอายะฮฺที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์และญิน
จากนั้นก็ให้ขอดุอาอ์ด้วยบทดุอาอ์ที่มีระบุจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ดังที่จะได้กล่าวในหัวข้อที่เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยที่โดน อัยนฺ ต่อไป
والله أعلم بالصواب
✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿
มุหัมมัด อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์
ที่มา : มุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์
แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : มุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์
แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน
http://www.islammore.com
ญาซากัลลอฮุคอยรอน..จร้าาาา...
ตอบลบ