อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

ความฝันแห่งบาบิโลนถึงการมาของศาสนทูต



กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar, نبوخذ نصر) แห่งอาณาจักรบาบิโลนใหม่ (634-562)  อันเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองเป็นลำดับต้นของเวลานั้น มีสวยลอยอันเลื่องชื่อในฐานะเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ 

พระองค์ฝันเห็นว่ามีเทวรูปใหญ่โตตนหนึ่งมีศีรษะทำมาจากทองคำ ส่วนแขนทำมาจากเงิน ส่วนท้องและต้ขาทำมาจากทองเหลือง หัวเข่าลงไปเป็นเหล็ก ส่วนเท้าทำมาจากดินเผา 

ขณะที่พระองค์กำลังชื่นชมความประหลาดของเทวรูปนั้น พลันมีหินก้อนใหญ่ตกลงมาใส่เทวรูปแตกเป็นเสี่งๆ กลายเป็นเถ้าธุลี แล้วมีลมพัดมันหายไป แล้วหินนั้นก็กลายเป็นมนุษย์ที่ใหญ่โตเต็มผืนดิน 

เนบูคัดเนสซาร์ตื่นขึ้นจากความฝันนั้น 

พระองค์รู้ว่าฝันบางอย่างแต่กลับจำไม่ได้ว่ารายละเอียดที่ตนฝันนั้นเป็นอย่างไร 
ด้วยความร้อนรน จึงรับสั่งให้นำตัวปุโรหิตและโหราจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในอาณาจักรของตน เพื่อทำนายฝันดังกล่าว ที่แม้แต่ตนเองก็จำไม่ได้ 

เหล่าโหราจารย์ที่มาก็จนปัญญาจะทำนายสิ่งใดให้ได้เนื่องจากไม่รู้ว่าพระองค์ฝันอะไร?

ท่านนบีดาเนียลซึ่งเป็นนบีชาวยิวท่านหนึ่งในเวลานั้น ที่มาจากอาณาจักยูดาห์ เข้าพบเนบูคัดเนสซาร์  และบอกเล่ารายละเอียดความฝันดังข้างต้น 

และแปลความฝันนี้ให้โยท่านบอกว่า

...หัวของเทวรูปที่เป็นทองทองคำนั้นหมานถึงตัวกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 

หลังจากสวรรคตแล้วก็จะมีพระโอรสมาสืบราชบัลลังก์ต่อ พระโอรสคือส่วนที่เป็นเงินของเทวรูป เป็นรัชสมัยที่อ่อนแอกว่าพระบิดา

ต่อมาจะเข้าสู่อาณาจักรหนึ่งที่อ่อนลงอีก คือส่วนที่เป้นทองเหลือง 

หลังจากนั้นมีอาณาจักรที่แข็งแกร่งประหนึ่งเหล็กซึ่งก็คือส่วนขา 

ส่วนที่ถุกเห็นเป็นดินเผาหมายถึงอาณาจักรที่อ่อนแอ 

ส่วนหินก้อนมหีมาที่มาทำลายเทวรูปนั้น หมายถึงศาสนทูตที่มาพร้อมบัญญัติอันรัดกุมเข็มแข็ง สยบกษัตริย์ต่างๆในแผ่นดิน ท่านและประชาชนของท่านจะแผ่ขยายทั่วผืนปฐพี อำนาจของศาสนทูตผู้นั้นจะสภาพรจนโลกนี้สูญสลาย


แม้จะไม่มีการกล่าวชื่อศาสนทูตท่านเอาไว้ แต่ด้วยคุณลักษณะที่พูดถึงทำให้นักวิชาการมุสลิมมองว่านี้คือลักษณะของท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)  อย่างไม่ผิดเพี้ยน...(จาก อิบนุกอยยิม หน้า 375)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น