อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

จุดจบที่สวยงาม (ได้เห็นญันนะฮฺ)



" เรื่องเล่า ชวนคิด "

จุดจบที่สวยงาม (ได้เห็นญันนะฮฺ)

เรื่องราวต่อไปนี้ถูกถ่ายทอดโดยด็อกเตอร์ชัยคฺคอลิด อัลญูบัยรฺ นักวิชาการศาสนาประเทศซาอุดิอาระเบีย และนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย

ท่านบอกเล่าว่า “วันหนึ่ง เวลา 13.45 นาฬิกา ผมจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี ขณะนั้นผมกำลังทำการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยคนหนึ่งอยู่ ซึ่งระหว่างนั้นเองผมได้รับโทรศัพท์จากแผนกฉุกเฉิน โทรมาบอกกับผมว่า “คุณหมอคอลิดครับ เรามีคนไข้คนหนึ่งถูกยิงที่คอ และเขากำลังจะเสียชีวิต”

ผมตอบเขาไปว่า “แต่ผมกำลังทำการผ่าตัดอยู่”

ปลายสายบอกกับผมว่า “แต่เคสนี้ด่วนมากครับ เราต้องการคุณหมอ ความดันโลหิตของคนไข้ต่ำมาก และเราต้องการหมอที่เชี่ยวชาญครับ”

ผมจึงบอกว่าเขาว่า “โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ให้เลือดเขาไว้ก่อนแล้วกันนะ”

ดังนั้นผมจึงบอกหมออีกท่านที่อยู่ในห้องผ่าตัดให้ดำเนินการผ่าตัดต่อไป แล้วผมก็รีบไปที่แผนกฉุกเฉิน

เมื่อผมไปถึงที่นั่น ผมเห็นใบหน้าของคนไข้ส่องสว่างสดใส ซึ่งขณะนั้นเขาอยู่ในอาการโคม่า คอด้านขวาของเขาบวมมาก ผมจึงเริ่มตรวจสอบดูว่าบาดแผลของเขาเป็นอย่างไร ดูว่ากระสุนอยู่ที่ไหน อยู่ลึกเพียงใด และพิจารณาว่าผมควรเอากระสุนออกที่นั่นเลย หรือควรจะพาเขาไปที่ห้องผ่าตัด

ขณะที่ผมกำลังดูบาดแผลของคนไข้อยู่ เขาก็ลืมตาขึ้นมา และจ้องมองดูผมด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นบ่ายเบี่ยง พร้อมบอกกับผมว่า “คุณหมอครับ อย่าเสียเวลาเลยครับ ผมขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ผมกำลังจะตายอย่างแน่นอน และผมก็สบายดีครับ”

“ผมขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ตอนนี้ผมมองเห็นสถานที่ของผมในญันนะฮฺ ผมอยากพบพ่อและแม่ของผมครับ ผมอยากจะร่ำลาท่านทั้งสองก่อน”

(เมื่อได้ยินดังนั้น) ผม (ชัยคฺคอลิด) รู้สึกขนลุก (กับคำพูดของเขา) เส้นผมของผมตั้งชันขึ้น ผมพูดแทบไม่ออก และผมก็ก้าวถอยหลังออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วผมก็ออกไปพบพ่อและแม่ของเขา

ผมบอกพวกเขาว่า “ลูกชายของคุณต้องการพบคุณทั้งสองครับ”

พวกเขาถามผมว่า “เขาเป็นอย่างไรบ้าง คุณหมอ เขามีชีวิตอยู่ใช่ไหม อาการของเขาดีแล้วใช่ไหม”

ผมตอบว่า “ผมขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ เขาอยู่ในสภาพที่ดีด้วยการอำนวยพรของอัลลอฮฺ เขาอยู่ในสภาพที่ดีกว่าที่เขาเคยอยู่มาก่อน”

จากนั้นพ่อของเขาก็พูดกับผมว่า “ได้โปรดบอกข่าวดีกับเราด้วยเถอะ คุณหมอ”

“ผมกำลังบอกคุณอยู่ว่า เขาสบายดี เขาสบายดีด้วยการอำนวยพรของอัลลอฮฺครับ” ผมตอบ

“จริงหรือครับ คุณหมอบอกความจริงกับผมอยู่ใช่ไหม” พ่อของเขาย้ำ

“ใช่ครับ เขาอยู่ในสภาพที่ดียิ่งกว่าที่เขาเคยเป็นมาก่อน”

พ่อของเขาถามผมต่อว่า “เขากำลังจะตายใช่มั้ยครับ คุณหมอ”

ผมตอบย้ำว่า “เขาอยู่ในสภาพที่ดียิ่งกว่าที่เคยเป็นครับ”

พวกเขาจึงรีบวิ่งไปหาลูกชายของเขา ขณะนั้นผมนั่งอยู่ห่างจากพวกเขาเล็กน้อย ผมเฝ้ามอง และฟังพวกเขาอยู่ เมื่อพวกเขาไปถึงตัวของลูกชาย ลูกชายก็จับมือของแม่เขา และจูบที่ฝ่ามือของเธอ และพูดกับเธอว่า “อุมมี ได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ” และจากนั้นเขาก็จับมือพ่อของเขา และจูบที่ฝ่ามือเขา และพูดกับพ่อของเขาว่า “อบี ได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ”

ผมรู้สึกได้ว่าผมได้ยินเสียงจูบของเขาภายในหัวใจของผม

จากนั้นเขาก็จับมือของพ่อและแม่ของเขาและดึงไปวางไว้ที่หน้าอกของเขา จากนั้นก็พูดกับทั้งสองคนว่า “อุมมี และอบีครับ ให้อภัยต่อผมด้วย และโปรดอย่าลืมผมในดุอาอฺของพ่อและแม่ด้วย อัชฮะดุ อัลลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะ อัชฮะดุ มุหัมมะดัรฺ เราะสูลุลลอฮฺ” จากนั้นเขาก็แน่นิ่งไป

หลังจากนั้น ผมจึงถามพ่อของเขา (ด้วยความประทับใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น) ว่า “ลูกชายของคุณเป็นคนอย่างไรหรือครับ”

ผู้เป็นพ่อตอบว่า “ลูกชายของผม ตั้งแต่เขาเติบโตมา เขามักจะอยู่ที่มัสญิดอยู่เสมอ ลูกชายของผม ตั้งแต่เขาเติบโตมา เขาคือคนที่คอยปลุกเราให้ตื่นขึ้นมาละหมาดฟัจรฺอยู่ตลอด และเขามักจะละหมาดกิยามุลลัย ลูกชายของผม ตั้งแต่เขาเติบโตขึ้นมา เขามักจะเข้าร่วมวงฮาละเกาะฮฺเพื่อท่องจำอัลกุรอาน ลูกชายของผมเรียนอยู่โรงเรียนชั้นปีสอง (เป็นระบบโรงเรียนที่ประเทศซาอุดีอารเบีย อายุประมาณ 18 ปี) สายวิทย์ และเขาก็เป็นเด็กที่เรียนได้คะแนนสูงที่สุดในโรงเรียน”

ผมจำได้ว่า.. มีหะดีษบทหนึ่งของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ซึ่งรายงานโดยนาซาอียฺและอบูดาวูด ที่ท่านเราะสูลได้อธิบายให้เราทราบเกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งการเสียชีวิตว่า “หากผู้ใดก็ตามในหมู่พวกท่าน กำลังจะเดินทางไปยังอาคิเราะหฺและละทิ้งโลกดุนยานี้ไป เขาจะมองเห็นในระยะที่ไกลที่สุดที่เขาสามารถมองเห็นได้นั้นเต็มไปด้วยบรรดามลาอิกะฮฺ มลาอิกะฮฺมีใบหน้าขาวสว่าง พร้อมด้วยมารยาทและรูปร่างที่งดงาม และเขาจะได้เห็นสถานที่ของเขาในญันนะฮฺ” ซึ่งนี่คือข่าวดีจากท่านเราะสูลแก่บรรดามุสลิมที่ดีทั้งหลาย

ผมวิงวอนขออัลลอฮฺต่อผมและท่าน และคนที่เรารัก และมุสลิมทุกๆ คนให้ได้พบในสิ่งนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ (ที่ผมได้บอกเล่านี้) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่ผมได้เป็นพยาน ในระยะเวลา 32 ปีของการเป็นแพทย์ของผม ได้มีคนไข้ 3 คนที่บอกกับผมว่าเขาได้เห็นสวรรค์ญันนะฮฺ


..........................................................
ญะซากั้ลลอฮุ ค็อยร็อน อบู มุสฏอฟา สำหรับการถ่ายทอดจากคลิปภาษาอาหรับเป็นภาษาอังกฤษในการแปลครั้งนี้ /แปล เรียบเรียง بنت الاسلام
รัศมี แห่งดวงตา โพส


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น